xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ สี จิ้นผิง ว่า "เวลาและแรงผลักฯ กำลังเข้าทางฝั่งจีน"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน (ภาพจากแฟ้ม)
"ในสรรพสิ่งล้วนมีจังหวะพิชิต และแพ้พ่าย มีแรงผลักสู่โอกาสความได้เปรียบ กับแรงกดให้พลิกคว่ำ" ซึ่งดูเหมือนว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ผู้มีความรอบรู้และศึกษาพิชัยสงครามซุนวู จะเป็นผู้ที่เข้าใจในสภาวะนี้อย่างดีกับสถานการณ์ของจีนและโลกในยุคหลังโรคระบาด

ถ้อยแถลงของสี จิ้นผิง ล่าสุด ในระหว่างการประชุมระดับสูงเมื่อวันจันทร์ที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา ก็สะท้อนหลักคิดในหลายบทของพิชัยสงครามซุนวู กับสถานการณ์จีนกับโลก ได้แก่ จุดอ่อนจุดแข็ง เข้ารบเมื่อได้เปรียบ หลีกเลี่ยงข้าศึกเมื่อฮึกเหิม จู่โจมเมื่อข้าศึกเกียจคร้านอิดโรย และความสามารถในการปรับตัว ปรับตามเงื่อนไขของโอกาสและอุปสรรค อาจใช้วิธีที่แตกต่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน

ในระหว่างการประชุมระดับสูงเมื่อวันจันทร์ที่ 11 มกราคม สี จิ้นผิง กล่าวเรียกร้องความเชื่อมั่นและความมั่นใจท่ามกลางความท้าทายระดับโลกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน สี จิ้นผิง กล่าวเชื่อมั่นว่า "เวลาและแรงผลักกำลังเข้าทางฝั่งจีน"

คำพูดของ สี จิ้นผิง ในที่ประชุม เป็นที่ทราบว่า เหมือน"ผลึก" มากกว่า "น้ำ"

สี จิ้นผิง กล่าวถึง "เวลาและแรงผลักกำลังเข้าทางฝั่งจีน" นี้ ว่าไปก็คือการกระตุ้นให้ทุกหน่วยงานเดินทัพไปถึงสนามรบพร้อมกัน เพราะหาไม่แล้ว ก็คงเป็นตามที่ซุนวู กล่าวว่า "ปีกซ้ายมิอาจช่วยปีกขวา ปีกขวามิอาจช่วยปีกซ้าย แนวหน้ามิอาจช่วยส่วนหลัง ส่วนหลังก็มิอาจช่วยแนวหน้า ที่อยู่ใกล้เพียงสิบลี้กลับเหมือนอยู่ไกล"

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ได้วางวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับพรรคคอมมิวนิสต์ในอีกสามทศวรรษข้างหน้า โดยเรียกร้องให้มีความเชื่อมั่นและมั่นใจในการเผชิญกับความท้าทายระดับโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน

"แม้จะมีความท้าทายต่าง ๆ เช่น การระบาดของไวรัสโคโรนา การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ความสัมพันธ์ที่ตกต่ำกับตะวันตกและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว" สีกล่าว และย้ำว่า

“โลกอยู่ในช่วงเวลาที่ปั่นป่วนซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในศตวรรษที่ผ่านมา ... แต่เวลาและแรงผลักดันอยู่ข้างเรา”

สี จิ้นผิง กล่าวกับคณะกรรมการโปลิตบูโร และรองประธานาธิบดีหวัง ฉีซาน ในการประชุม ทั้งให้ความมั่นใจและให้พิจารณาสภาพการณ์ เกี่ยวกับแผนระยะกลางและระยะยาวของจีนสำหรับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจถึงปี 2568 ว่า

“ในขณะเดียวกันเราต้องเห็นอย่างชัดเจนตรงกันว่า ในตอนนี้และจนถึงช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึงนี้ เราอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของโอกาส แต่โอกาสของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอกับความท้าทาย”

สตีฟ ซัง ผู้อำนวยการ SOAS China Institute แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอนกล่าวกับเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ ว่า "คำพูดของสี แสดงให้เห็นว่าเขาตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากโลกที่ตกอยู่ในความผันผวน และอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่สามารถพลิกโฉมระเบียบโลกได้"

“สีเป็นคนมองโลกในแง่ดีและรอบคอบ เขามองว่าสภาพแวดล้อมโดยทั่วไปและการพัฒนาเป็นไปในเชิงบวกสำหรับจีน แม้จะมองเห็นความท้าทาย ปัจจัยลบ แต่รู้สึกมั่นใจว่าจีนในยุคของเขาจะสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดได้” ซัง กล่าว

สี จิ้นผิง ให้ความสำคัญกับความสามารถในการปรับตัว ว่า “โอกาสและความท้าทายเหล่านี้ มีความเปิดกว้างมาก เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่โดยรวมแล้วจะเป็นโอกาสมากกว่า เป็นความท้าทายของเรา”

"จีนอยู่ในจุดตัดและกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ท้าทายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุ“ เป้าหมายร้อยปี” สองประการสำหรับจีน ด้วยการเป็น“สังคมแห่งความอยู่ดีมีสุข” ภายในสิ้นปีนี้ (2564) ขจัดความยากจนทั่วประเทศและเพิ่มจีดีพีและรายได้ต่อหัวของประชากรเป็นสองเท่าจากปี 2553

และเป็นประเทศสังคมนิยมยุคใหม่ที่มีความมั่งคั่ง มั่นคง เสมอภาค ปรองดอง และก้าวหน้าทางวัฒนธรรม ในปี พ.ศ. 2592 ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งครบหนึ่งร้อยปี นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้คนกว่าพันล้าน พลิกชีวิตสู่ความรุ่งเรืองในระยะเวลาอันสั้น

การบรรลุเป้าหมายร้อยปีทั้งสองประการนั้นสำคัญกับ "ความฝันจีน" (Chinese Dream) อันเป็นแนวคิดที่นำเสนอโดยสี จิ้นผิง ในปี 2555 ที่ต้องการนำพาชาติสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง นั่นคือ ​​'การฟื้นฟูจีนครั้งใหญ่' ภายในปี 2592

ในคำกล่าวของสี ยังเน้นย้ำกลยุทธ์ "หมุนเวียนเศรษฐกิจคู่ขนาน" ซึ่งประกาศครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางความท้าทายระดับโลกที่เกิดจากการระบาดใหญ่และการเติบโตที่ชะลอตัวของจีน

กลยุทธ์ "หมุนเวียนเศรษฐกิจคู่ขนาน" (Dual Circulation) นี้จะเป็นแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจจีนในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยจะมุ่งเน้นการพึ่งพาการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจสองกระแสควบคู่และเกื้อหนุนกัน คือ การหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศ (Internal Circulation) และ การหมุนเวียนเศรษฐกิจต่างประเทศ (External Circulation) เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนเป็นสำคัญ

“เพียงแค่พึ่งพาตนเองและพัฒนาตลาดในประเทศและทำให้การไหลเวียนภายในเป็นไปอย่างราบรื่น เราจะสามารถเติบโตและพัฒนาได้ด้วยตนเอง” สีกล่าว

ทั้งนี้ สี จิ้นผิง ไม่ได้ระบุรายละเอียดนโยบายที่จีนจะใช้ แต่สิ่งที่เขาประกาศคือ "ตอนนี้เงื่อนไขสุกงอมแล้ว”

แม้นานาชาติจะพยายามเร่งวัคซีนเพื่อกำจัดโควิดให้สิ้นในปีนี้ แต่สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือโลกยุคหลังโควิด-19 ที่ไม่เหมือนเดิม โควิด-19 ทำให้สหรัฐอเมริกาทิ้งบทบาทความเป็นผู้นำโลกที่ดี เผชิญกับความแตกแยกทางสังคมที่เหลื่อมล้ำในประเทศ และเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจอย่างเลี่ยงไม่พ้น นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยอมรับว่า "กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า ในระยะใกล้นี้ วิกฤตด้านสาธารณสุขจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ และวิกฤตดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลาง"

ด้านสหภาพยุโรปเผชิญวิกฤต ‘งบประมาณ’ ซึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักสุด หนีไม่พ้นประเทศที่มีเศรษฐกิจไม่ดีอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนโควิด-19 เช่น อิตาลี สเปน กรีซ โปรตุเกส ฮังการีและโปแลนด์ แน่นอนว่าวิกฤตงบประมาณยังมีผลกระทบทางการเมือง สะท้อนความอ่อนแอและขาดความเป็นเอกภาพของอียูเองด้วย

ขณะที่ ญี่ปุ่น มหาอำนาจเศรษฐกิจโลก อีกราย ก็รอเผชิญความเสี่ยงทางเศรษฐกิจครั้งมโหฬารกว่าใคร จากภาระของการเป็น "เจ้าภาพโอลิมปิกประวัติศาสตร์" ที่ยังไม่รู้อนาคต

จวง เต้อสุ่ย รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯ จริยธรรมชุมชน แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่าสุนทรพจน์ของ สี จิ้นผิงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเขาในระบบการเมืองและการพัฒนาของจีน

“จากคำพูดของเขา เราจะเห็นว่าปักกิ่งมีความมั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับนโยบายสำคัญของจีนและมาตรการตอบสนองทุกประเภท มุ่งมั่นที่จะเดินตามเส้นทางของตัวเองโดยไม่ได้รับผลกระทบจากโลกภายนอก เนื่องจากมีสถานการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบศตวรรษ”

จวง เต้อสุ่ย ยังเห็นว่าในปีข้างหน้านี้ สี จิ้นผิง กำหนดทิศทางให้ความสำคัญกับปัญหาภายในประเทศและปรับปรุงชีวิตของชาวจีนมากกว่าเรื่องระหว่างประเทศ

เผิง เผิง รองประธานของสมาคมวิจัยการปฏิรูประบบมณฑลกวางตุ้ง กล่าวว่าคำกล่าวของสี บ่งบอกถึง โมเมนตัมใหม่ของจีน ในขณะที่สหรัฐฯ ตกอยู่ในความโกลาหลท่ามกลางการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ
กำลังโหลดความคิดเห็น