xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวแห่งปี 2020 ของจีน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อู่ฮั่นล็อกดาวน์สู้ศึกโควิด-19  มหานครที่คึกคักและเป็นศูนย์กลางคมนาคมทั้งระดับชาติและประเทศ กลายเป็นเมืองร้างเป็นเมืองในพริบตา เป็นภาพที่โลกตะลึงงัน!
ผ่านไปอีกหนึ่งปี ในฐานะของ “มุมจีน” ที่เสนอข่าวจีนโดยเฉพาะขอนำเสนอรายงาน “ข่าวแห่งปี 2020 ของจีน” โดยคัดเลือกเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์สำคัญอันส่งผลกระทบกว้างไกล


1)ล็อกดาวน์อู่ฮั่น สู้ศึกโควิด-19
จากกรณีโรคปอดอักเสบจากไวรัสลึกลับในเมืองอู่ฮั่นที่เริ่มโผล่มาอาละวาดในมนุษย์เมื่อเดือนธ.ค.ปี 2019 จนผู้เชี่ยวชาญสามารถระบุชัดแน่นอนว่าตัวเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ไหม่ ทายาทของซาร์ส ที่มีชื่อทางการคือ SARS-CoV-2 และองค์การอนามัยโรคตั้งชื่อโรคจากเชื้อฯนี้ว่า โควิด-19

อู่ฮั่นล็อกดาวน์อย่างเด็ดขาดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นเวลานานกว่าสองเดือน จากวันที่ 23 ม.ค. ถึงวันที่ 8 เม.ย.หลังจากที่ประเมินว่า “ควบคุมเชื้อโรคระบาดได้อยู่หมัด” นับเป็นความสำเร็จน่ามหัศจรรย์ที่อู่ฮั่นควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อฯในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้

ข้อมูลสรุป ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2020 จีนแผ่นดินใหญ่ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสม เท่ากับ 87,027 ราย เสียชีวิต 4,634 ราย

อาลัย นพ.หลี่ เหวินเลี่ยง แห่งโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่น คนแรกที่เตือนความเสี่ยงโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในปลายปี 2019 และจบชีวิตลงด้วยเชื้อโควิด-19
2)เหตุเสียชีวิตของหมอหลี่ เหวินเลี่ยงที่อู่ฮั่น

น.พ.หลี่ เหวินเลี่ยง วัย 34 ปี จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่น เสียชีวิตในวันที่ 7 ก.พ. จากโรคติดเชื้อโควิด-19 ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในจีนและต่างประเทศ เนื่องจากหมอหลี่เป็นคนแรกที่เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงการติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือซาร์ส ในโซเชียลมีเดียแดนมังกรเมื่อปลายปี 2019 ก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ ตอนนั้นเขาถูกตำรวจเรียกตัวไปตักเตือนโทษฐานปล่อยข่าวลือเรื่องเท็จเกี่ยวกับการระบาดเชื้อซาร์ส

ต่อมาทางการจีนยอมรับว่าคำเตือนของหมอหลี่ “มิได้ถูกนำพาอย่างท่วงทัน เป็นสิ่งที่สังคมต้องพึงทบทวนใคร่ครวญและเป็นบทเรียน”ถือเป็นบทเรียนใหญ่แห่งมนุษย์ชาติทีเดียว!


3)จีนก้าวสู่แท่นชาติชั้นนำในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19

ตลอดทั้งปีนี้ประเทศต่างๆเร่งพัฒนาวัคซีนสำหรับโควิด-19 กว่า 200 รายการ โดยกลุ่มวัคซีนที่จีนพัฒนาคืบหน้าถึงขั้นศึกษาในคน มีจำนวน 15 รายการ โดย 4 รายการได้รับการรับรองให้ใช้ฉีดกับประชาชนในเงื่อนไขต่างๆ ได้แก่ วัคซีนของ SINOPHARM ซึ่งมี 2 ตัว วัคซีนโคโรนาวัคของ Sinovac Biotech วัคซีนของ CanSinoBIO ซึ่งถือว่าล้ำหน้าที่สุด


4)“ลงดาบพฤติกรรมผูกขาดอาลีบาบา”

จีนลุยปราบปรามพฤติกรรมผูกขาดของกลุ่มบริษัทไอทีรายใหญ่โดยปีนี้มุ่งไปที่บริษัทในเครือของอาลีบาบาคือ แอนต์ กรุ๊ป (Ant Group) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มชำระเงิน “อาลีเพย์”

โดยความเคลื่อนไหวที่จี๊ดสุดคือ คำสั่งระงับการขายหุ้นสาธารณะ (IPO) ของแอนต์ กรุ๊ป ในตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 5 พ.ย. เป็นที่ฮือฮาสุดไส้ติ่งในวงการหุ้นโลกเพราะการเข้าตลาดหุ้นของแอนต์ครั้งนี้จะทุบสถิติโลกในด้านมูลค่าการทำไอพีโอกว่า ถึง 37,000 ล้านดอลลาร์ แต่ก็มีอันต้องจบเห่ไปด้วยคำสั่งสายฟ้าแลบของรัฐบาลจีน

ก่อนสิ้นปี แบงค์ชาติมังกรยังเรียก แอนต์ กรุ๊ป เข้าพบเพื่อกำชับให้แก้ไขปรับปรุงครั้งใหญ่ในการทำธุรกิจด้านปล่อยกู้และให้สินเชื่อเพื่อผู้บริโภคอื่นๆ ซึ่งรัฐบาลจีนชี้ว่าผิดระเบียบรวมทั้งแก้ไขพฤติกรรมกีดกันการแข่งขันในตลาด แถมมีข่าวลือห้าม แจ๊ค หม่า ออกนอกประเทศ

ยอดอึด! เขื่อนยักษ์สามผาสู้ศึกใหญ่มวลน้ำหลากนับ 14,000 ล้านลูกบาศก์เมตรระหว่างช่วงใจกลางของฤดูน้ำหลากของปีนี้ (แฟ้มภาพซินหัว)
5)มหาอุทกภัย และเขื่อนสามผายอดอึด

ในปี 2020 จีนประสบอุทกภัยน้ำท่วมครั้งประวัติการณ์ ปริมาณน้ำจากฝนตกหนักในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะแถบลำน้ำแยงซีเกียงสายยาวสุดของจีน มีระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี มหาอุทกภัยปีนี้รุนแรงจนทำให้เกิดกระแสลุ้นระทึก และลือกันเซ็งแซ่ว่าเขื่อนสามผาที่ใหญ่สุดในโลกซึ่งตั้งอยู่บนแยงซีเกียงจะแตก ! โดยในกลางเดือนส.ค. ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำสูงกว่าระดับเตือนภัยเกือบ 20 เมตร ต้องเร่งระบายน้ำเต็มสูบ มวลน้ำไหลเข้าสูงสุดถึง 75,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทุบสถิตินับจากสร้างเขื่อนเมื่อปี 2003 ในที่สุดเขื่อนสามผาก็ผ่านบททดสอบใหญ่

แคปซูลส่งกลับตัวอย่างดิน หิน จากดวงจันทร์กลับสู่โลกสำเร็จในวันที่ 17 ธ.ค. 2020
6) ภารกิจฉังเอ๋อ-5 ดันจีนสู่จ้าวอวกาศ

จีนส่งภารกิจฉางเอ๋อ-5 ยานสำรวจดวงจันทร์ขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 24 พ.ย. และได้ลงจอดบนดวงจันทร์เก็บตัวอย่างได้แก่ ดิน และหิน ส่งกลับมายังโลก โดยแคปซูลส่งกลับตัวอย่างจากดวงจันทร์กลับสู่โลกสำเร็จในวันที่ 17 ธ.ค. นับเป็นภารกิจเก็บตัวอย่างจากโลกพระจันทร์ครั้งแรกในรอบ 40 ปี นับตั้งแต่ภารกิจ ‘อพอลโล’ ของสหรัฐฯ กับภารกิจ ‘ลูนา’ ของสหภาพโซเวียต ได้ไปเก็บตัวอย่างจากดวงจันทร์กลับมายังโลก

“เงินหยวนดิจิทัล” ในแอปพลิเคชันทางการจีน บนสมาร์ตโฟน ภาพเมื่อวันที่ 16 ต.ค.2020
7)เปิดยุคเงินหยวนดิจิทัล

ในปีนี้แบงค์ชาติจีนได้เหยียบคันเร่งแรงสุดในการผลักดันเงินหยวนดิจิทัล หรือ DC/EP โดยเปิดเขตทดลองการใช้จ่ายเงินหยวนดิจิทัลในภูมิภาคปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย สามเหลี่ยมลุ่มน้ำแยงซีเกียง เขตอ่าวใหญ่กว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า โดยมีเมืองเซินเจิ้น ซูโจว เฉิงตู เขตพัฒนาใหม่สยงอัน และบริเวณจัดมหกรรมแข่งขันกีฬาฤดูหนาวปี 2022 เป็นฐานช่วยในการผลักดัน การใช้หยวนดิจิทัลเป็นการพลิกโฉมการใช้จ่ายเงินของจีน ถือเป็นความคืบหน้าก้าวใหญ่ของสังคมไร้เงินสด

การตัดถนนในเขตยากจนที่ห่างไกลเป็นมาตรการแก้จนมาตรการหนึ่งของจีน
8)ปีเป้าหมายภารกิจขจัดความยากจน

แม้ข่าวการประกาศความสำเร็จแก้จนของจีนจะถูกกลบไปด้วยวิกฤตโรคระบาดและปัญหาเศรษฐกิจ แต่ก็ยังเป็นประเด็นสำคัญที่สุดแห่งชาติจีน จีนได้กำหนดปี 2020 เป็นปีเป้าหมายขจัดความยากจน โดยกำหนดไว้ว่าประชาชนในแผ่นดินใหญ่กว่า 1,300 ล้านคน จะหลุดพ้นจากความยากจนสูงสุด (absolute poverty) ทั้งนี้ตั้งแต่จีนปฏิรูปเศรษฐกิจในปลายทศวรรษ 1970 ชาวจีนที่หลุดพ้นจากความยากจนราว 800 ล้านคน และตลอด 7 ปีมานี้ที่สี จิ้นผิงกุมอำนาจใหญ่จีนได้ช่วยเหลือให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนกว่า 10 ล้านคนต่อปี

พิธีลงนาม “อาร์เซป” เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2020 ที่ฮานอย เวียดนาม
9) จีนสมหวังดันเขตการค้าเสรีใหญ่สุดในโลก

การเซ็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีใหญ่สุดของโลก คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป (RCEP) เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ดูเป็นความสำเร็จใหญ่ของจีนในการผลักดันความร่วมมือในภูมิภาคที่ไม่มีสหรัฐฯ

ติงเจน หนุ่มน้อยชาวทิเบต ไอดอลสุดฮ็อตในโลกโซเชียลมีเดียจีนปี 2020
10) "ปรากฏการณ์ติงเจน" 

“แทมดริน” หรือในสำเนียงจีนกลางคือ ติงเจน หนุ่มชนชาติทิเบตวัย 20 ปี กลายเป็นเซเลปดังทะลุโลกโซเชียลมีเดียจีนในชั่วข้ามคืน หลังจากที่วล็อกเกอร์จีนถ่ายจคลิปสั้นติงเจนส่งรอยยิ้มความยาวไม่ถึง 10 วินาทีลงในแพลตฟอร์มติ๊กต็อก หรือที่จีนเรียก “โต่วอิน” กวาดยอดไลค์ในวันแรกทะลุ 1 ล้าน จำนวนการสืบค้นคลิปติงเจนก้าวพรวดเดียวขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งในรายการคำสืบค้นยอดนิยมของติ๊กต็อก

หลังจากที่ติงเจนดังระเบิดระเบ้อ จำนวนการสืบค้นเกี่ยวกับ “หลี่ถัง” บ้านเกิดของติงเจนในชุมชนทิเบตของมณฑลเสฉวน พุ่งพรวดถึง 620 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มณฑลต่างๆทั่วจีนออกมาลุยศึกแย่งตัวติงเจนไปโปรโมทการท่องเที่ยว


กำลังโหลดความคิดเห็น