เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์เผย (24 มี.ค.) คลิปหญิงวัยรุ่นฮ่องกงอายุ 13 ปีออกไปรับประทานมื้อค่ำนอกบ้าน ทั้งที่ต้องอยู่ระหว่างกักตัวดูอาการเฝ้าระวังเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเธอมีกำไลข้อมืออิเล็กทรอนิกส์สวมอยู่ตามกฎของทางการ
รายงานข่าวกล่าววว่า รัฐบาลฮ่องกงมีคำสั่งให้ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนต้องกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่หญิงวัยรุ่นคนดังกล่าว ไม่สวมหน้ากากอนามัย และไม่ยอมกักกันตัวเอง กลับออกจากสถานที่ไปรับประทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารญี่ปุ่นกับญาติ ในย่านซาถิ่น เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา จนมีพลเมืองดีพบเห็นกำไลข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ทางการให้ผู้ต้องกักตัวสวมไว้
ชายผู้ถ่ายคลิปจึงได้รีบเตือนทุกคนให้ออกจากร้านทันที และบันทึกคลิปนี้เผยแพร่ในสื่อออนไลน์ โดยล่าสุดเธอถูกส่งไปกักตัวที่สถานที่ของรัฐบาลแล้วโดยทันที
หลังเหตุการณ์ เจ้าของร้านกล่าวว่าต้องปิดร้านเพื่อฆ่าเชื้อ และทิ้งอุปกรณ์ทุกอย่างที่หญิงวัยรุ่นหนีกักตัวและญาติใช้
ทั้งนี้ แหล่งข่าวตำรวจเปิดเผยว่า หญิงวัยรุ่นเพิ่งเดินทางกลับมาจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันนั้น และถูกบังคับให้สวมกำไลอิเล็คทรอนิกเพื่อติดตามการเฝ้าระวัง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ทางการฮ่องกงเผยว่า กำไลข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ติดตามตัวผู้เดินทางมาจากต่างประเทศช่วงกักดูอาการตัวเองนาน 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม มีการใช้งานจริงเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นจากที่ให้ไปแล้ว 6,000 ชิ้น
ข้อมูลทางการฮ่องกงพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แล้ว 256 คน เสียชีวิต 4 คน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่าร้อยละ 90 เป็นคนเดินทางมาจากต่างประเทศ ฮ่องกงใช้หลักเกณฑ์แยกผู้เดินทางเข้ามาที่มีอาการระบบทางเดินหายใจส่วนบนจะถูกส่งไปยังศูนย์ตรวจหาเชื้อใกล้บริเวณท่าอากาศยานทันที
ขณะที่ในกลุ่มซึ่งยังไม่มีอาการ จะต้องสวมกำไลข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีคิวอาร์โค้ดสำหรับจับคู่กับแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน ช่วยในการสามารถระบุตัวผู้ฝ่าฝืนการกักตัวเองตลอด 14 วัน