ขณะนี้จีนควบคุมการระบาดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ได้อยู่หมัดแล้ว คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งจีนแถลงในวันอังคาร(17 มี.ค.) ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอู่ฮั่นซึ่งเป็นศูนย์กลางระบาด มีผู้ติดเชื้อแค่ 1 ราย ส่วนเขตต่างๆในจีนนอกอู่ฮั่น พบมีผู้ติดเชื้อ 20 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ
สื่อฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ได้ชี้ถึงบทเรียนสำคัญบทหนึ่งจากจีนในการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างได้ผล คือ เตรียมงบประมาณสำหรับจ่ายให้กับผู้ป่วย เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายเป็นอุปสรรคทำให้ผู้ติดเชื้อฯไม่ยอมมาตรวจและรักษา
ในจีน ค่าตรวจและทดสอบการติดเชื้อฯโดยเฉลี่ยประมาณ 370 หยวน หรือราว 1,700 บาท ในเมืองเซินเจิ้น ค่าใช้จ่ายการรักษาโรคปอดอักเสบจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ สำหรับผู้ป่วยสูงอายุค่ารักษาอาจแพงถึงราว 23,000 หยวน (หรือราว 100,000 กว่าบาท) ถึงประมาณ 5,600 หยวน (หรือราว 25,760 บาท) สำหรับการรักษาคนไข้ที่อาการไม่หนัก จากข้อมูล Chinese Hospital Management journal เผยเมื่อวันที่ 28 ก.พ.
รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณสำหรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึง 1.104 แสนล้านหยวน
ศาตราจารย์ Dirk Pfeiffer ประธานทีมผู้เชี่ยวชาญสถาบัน One Health สังกัด City University กล่าวว่าความสามารถในการจ่ายนั้นเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของมาตรการควบคุมโรคระบาด
แต่ ศ. Pfeiffer กล่าวว่าการทดสอบแบบเชิงรุกไม่สามารถปฏิบัติได้จริงในทุกประเทศ นอกจากนี้ระยะห่างทางสังคมก็เป็นมาตรการบรรเทาความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด
Pfeiffer ชี้ว่าในสังคมประชาธิปไตยอย่างโลกตะวันตกนั้นการรักษาระยะห่างทางสังคมขึ้นอยู่กับความสมัครใจเป็นหลักซึ่งแตกต่างจากจีนซึ่งการทดสอบเป็นข้อบังคับภายใต้กฎการควบคุมโรคระบาด
“ผลที่ตามมาจากความแตกต่างดังกล่าวนี้ทำให้การแพร่ระบาดในประเทศที่การจัดระยะห่างทางสังคมที่ขึ้นกับความสมัครใจจะใช้เวลานานกว่า” Pfeiffer กล่าว