อาร์ไอที สื่อไต้หวัน รายงาน (12 มี.ค.) สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ กำลังอยู่ในภาวะที่เกิดการระบาดในชุมชนแล้ว ทำให้สื่อในสหรัฐฯ ให้ความสนใจเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการระบาดในชุมชนเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สมัภาษณ์นักวิชาการชื่อดังในสหรัฐฯ ซึ่งได้แนะนำว่าควรจัดตั้งศูนย์บัญชาการ รวมกำลังภาครัฐกับภาคเอกชน เสริมมาตรการป้องกันโรคโดยศึกษาวิธีการจากไต้หวัน
สื่อออนไลน์ Vox ได้ตีพิมพ์รายงานบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ระบุว่า แม้ไต้หวันกับจีนจะตั้งอยู่ใกล้กันมาก มีเที่ยวบินไปมาค่อนข้างถี่ และมีชาวไต้หวันหลายแสนคนทำงานหรือพำนักอาศัยในจีน ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวจีน 2.7 ล้านคน เดินทางไปเที่ยวไต้หวัน แต่ก็ยังสามารถสกัดโรคโควิด-19 อย่างได้ผล มีสาเหตุมาจากอะไร และสหรัฐฯ อาจศึกษาประสบการณ์จากไต้หวันในเรื่องนี้
นายเคลซี ไพเพอร์ ผู้สื่อข่าวของสื่อออนไลน์ดังกล่าว ได้สัมภาษณ์ รองศาสตาราจารย์เจสัน หวาง แห่งมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ซึ่งมาจากไต้หวัน เพื่อศึกษาประสบการณ์ไต้หวันที่สามารถป้องกันการระบาดของโรคนี้อย่างได้ผล มีผู้ติดเชื้อเพียง 45 รายเท่านั้น ไต้หวันทำได้อย่างไร?
รศ. หวาง ระบุว่า ไต้หวันได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการสาธารณสุขระดับชาติ รวบรวมหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ปี 2004 หลังจากที่ไต้หวันมีประสบการณ์การป้องกันโรคซาร์สในปี 2003 ทำให้ในคราวนี้ ไต้หวันสามารถควบคุมการระบาดอย่างได้ผลและรอดพ้นวิกฤตการณ์นี้มาได้
ศูนย์บัญชาการฯ ดังกล่าวทำงาน 24 ชม. มีศูนย์สื่อมวลชน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทุกวัน และยังมีศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ อย่างได้ผล และยังมีหน่วยข้อมูลและเจ้าหน้าที่ดูแลโลจิสติกส์ รวมทั้งห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ด้วย
รศ. หวาง เห็นว่า จุดนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจศึกษาจากไต้หวันได้ เมื่อจัดตั้งศูนย์บัญชาการแล้ว ก็จะสามารถรวบรวมข้อมูลทุกอย่างจากทั้ง 50 มลรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่นทุกแห่ง เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ก็จะส่งข้อมูลนี้ไปยังศูนย์บัญชาการฯ เพื่อพิจารณากำหนดนโยบายและปฏิบัติการป้องกันโรคต่อไป