สื่อต่างประเทศรายงาน (5 ต.ค.) - ว่านางแคร์รี แลม หัวหน้าคณะผู้บริหารฮ่องกง ปรากฏตัวพร้อมสมาชิกในคณะผู้บริหารครบทั้ง 16 คน ในการแถลงร่วมกันเมื่อวันศุกร์ ที่ 4 ตุลาคม ประกาศการใช้อำนาจตามความในกฎหมายความคุมความสงบในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกฎหมายที่ตราขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2465 ตั้งแต่ครั้งที่ ฮ่องกงยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร โดยขณะนี้ ฮ่องกงอยู่ภายในกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐบาลสามารถออกมาตรการควบคุม และจำกัดสิทธิต่างๆ ได้โดยไม่ต้องผ่านสภานิติบัญญัติ
รายงานข่าวกล่าวว่า การประกาศใช้อำนาจพิเศษโดยไม่ต้องผ่านการลงมติของสภานิติบัญญัตินี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุการณ์ประท้วงนองเลือดฮ่องกง ปี 2510 โดยหัวหน้าคณะผู้บริหารฮ่องกงใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งห้ามการสวมหน้ากากและเครื่องปิดบังใบหน้าทุกประเภท ระหว่างเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง ผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษจำคุกนานสูงสุดเป็นเวลา 1 ปี หรือปรับเป็นเงิน 25,000 ดอลลาร์ฮ่องกง ( ราว 97,127 บาท )
การสวมหน้ากากและรวมถึงการอำพรางใบหน้าในทุกรูปแบบ ระหว่างเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันเสาร์ที่ 5 ต.ค.นี้ตามเวลาท้องถิ่น
กฎหมาย “ห้ามปิดบังใบหน้า” ที่มีผลบังคับใช้ มีมาตรการรวมถึงการใช้กับการชุมนุมในที่สาธารณะตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป, การเดินขบวนในที่สาธารณะตั้งแต่ 30คนขึ้นไป, ห้ามนัดรวมตัวกันโดยปิดบังใบหน้า โดยไม่ได้รับอนุญาต, ห้ามปิดบังใบหน้าในการชุมนุมที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือก่อจลาจล และเจ้าหน้าที่มีอำนาจให้ผู้ชุมนุมปลดสิ่งที่ปิดบังใบหน้า ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่มีโทษสูงสุด จำคุก 6 เดือน ปรับ1 หมื่นเหรียญฮ่องกง
แคร์รี่ แลมกล่าวว่า มาตรการที่บังคับใช้ครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ฮ่องกงอยู่ภายใต้ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” และ “เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่มีความจำเป็น” ด้วยตลอดระยะเวลานานกว่า 4 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลไม่เคยปฏิบัติตามคำขอร้องและคำสั่งของเจ้าหน้าที่
รายงานข่าวกล่าวว่า หลังการประกาศประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน กฎหมายห้ามปิดบังหน้าตา ผู้ประท้วงตอบโต้ด้วยการจุดไฟลุกทั่วเมือง ทำลายสถานี MTR หลังเที่ยงคืน ผู้ชุมนุมจำนวนมากยังคงออกมาตามท้องถนน โดยยังคงปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากแบบต่าง ๆ
ผู้ประท้วงทุบทำลายและจุดไฟเผา ธุรกิจที่ถูกมองว่าเป็นของรัฐบาลจีน เช่น ธนาคาร Bank of China, บริษัทท่องเที่ยว แม้แต่ร้านสตาร์บักส์ ก็ถูกทำลายโดยอ้างว่า สนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ
หน่วยงานราชการ และสำนักงานของสมาชิกสภา ถูกทำลายเสียหายหลายแห่ง
ตำรวจปราบจลาจลพร้อมอาวุูธครบมือ เข้าอารักขาโรงพยาบาล และสถานที่สำคัญต่าง ๆ แต่ไม่สามารถหยุดยั้งกลุ่มผู้ประท้วงได้
มีการขว้างระเบิดเพลิง เข้าใส่ขบวนรถไฟด่วน ที่เชื่อมระหว่างฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่
มีรายงานเด็กชายคนหนึ่งถูกยิงด้วยกระสุนจริง ใน Yuen Long โดยแหล่งข่าวทางการแพทย์ยืนยันว่า เด็กชายอายุ 14 ปีถูกยิงด้วยกระสุนจริงใน Yuen Long เขาถูกส่งตัวจากโรงพยาบาล Pok Oi ไปที่โรงพยาบาล Tuen Mun แต่ยังไม่มีความชัดเจนอื่นๆ
ตำรวจ แถลงการณ์ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ ยิงด้วยกระสุนจริงโดยกล่าวว่า เขาถูกกลุ่มผู้ประท้วงกลุ่มใหญ่รุมทำร้าย เหตุการณ์หลัง 21.00 น.
“เจ้าหน้าที่ล้มลงกับพื้น เขายิงกระสุนนัดเดียวเพราะชีวิตของเขาถูกคุกคามอย่างรุนแรง” และว่า "เจ้าหน้าที่ถูกขว้างระเบิดเพลิงใส่ที่ตัวเขา"
สถานีรถไฟใต้ดิน MRTหลายแห่งถูกทำลายเสียหายยับเยิน และถูกลอบวางเพลิง จนต้องงดให้บริการทั้งหมดวันนี้ ทั่วทั้งเกาะฮ่องกงเป็นอัมพาต รถไฟด่วนสนามบินเข้าเมือง ไม่สามารถเปิดให้บริการ ระบบคมนาคมเหลือเพียงรถเมล์เท่านั้น
ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ประกาศปิดบริการวันนี้
อย่างไรก็ตาม แคร์รี ลัม หัวหน้าคณะผู้บริหารฮ่องกง ประกาศว่า จะเดินหน้าการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขตฮ่องกง 24 พฤศจิกายนนี้ และหากเกิดเหตุสุดวิสัย ให้มี "วันเลือกตั้งสำรอง" 1 ธันวาคม
ผู้สังเกตุการณ์ คาดว่าจะมีการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุด บางกระแสระบุว่า ถ้าสถานการณ์ควบคุมไม่ได้ รัฐบาลฮ่องกงอาจประกาศ "เคอร์ฟิวส์" ห้ามออกนอกบ้านในเวลากลางคืน และหากยังรุนแรง อาจขอให้ กองกำลังทหารจีน ที่ประจำการในฮ่องกง ช่วยระงับสถานการณ์
คลิป กลุ่มผู้ประท้วงกลุ่มใหญ่รุมทำร้าย โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นหลัง 21.00 น. วันที่ 4 ตุลาคม เจ้าหน้าที่แถลงว่า “เจ้าหน้าที่ล้มลงกับพื้น เขายิงกระสุนนัดเดียวเพราะชีวิตของเขาถูกคุกคามอย่างรุนแรง” และว่า "ผู้ประท้วงได้ถูกขว้างระเบิดเพลิงใส่ที่ตัวเขา"