xs
xsm
sm
md
lg

ไทยควรเรียนรู้อะไรจากการฉลอง 70 ปีก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ขบวนพาเหรดฉลองวาระครบรอบ 70 ปีแห่งการสถานาสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2019 (ภาพ รอยเตอร์ส)
โดย อรสา รัตนอมรภิรมย์

วันที่ 1 ตุลาคม 2019 ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง จีนได้จัดพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 70 ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

“วันนี้ สังคมนิยมจีนได้ตั้งตระหง่านอย่างมั่นคงในโลกตะวันออก จะไม่มีพละกำลังใดที่จะสั่นคลอนสถานะของชาติจีนอันยิ่งใหญ่ จะไม่มีพละกำลังใดที่จะสกัดกั้นประชาชาติจีนให้ก้าวย่างไปข้างหน้า” คำกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง กึกก้องไปไกลกว่าจัตุรัสเทียนอันเหมิน

ถ้าจะถามว่า แล้วจีนกำลังต้องการก้าวย่างไปสู่เป้าหมายใด

คำตอบคือ จีนจะก้าวย่างอย่างมั่นคงต่อไปใน 3 ภารกิจหลัก คือ หนึ่ง การก้าวสู่ประเทศแห่งนวัตกรรมการพัฒนาในทุกด้าน สอง บรรลุการรวมชาติให้สมบูรณ์ และสาม การสร้างประชาคมโลกที่มีชะตากรรมร่วมกันอย่างผาสุก

ในสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เน้นย้ำ (เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา) ว่า “จะผนึกรวมลูกหลานชาวจีนเป็นหนึ่งเดียว มุมานะเพื่อบรรลุการรวมชาติจีนให้สมบูรณ์”

แล้วไทยควรเรียนรู้อะไรจากการฉลอง 70 ปีก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ?!

พิธีเฉลิมฉลองในวันนี้ถือเป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของ 3 ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลก นั่นคือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีน, ประชาชนจีน และกองทัพจีน

ปัจจัยแรก พรรคฯ คือ ศูนย์รวมอำนาจในการปกครอง เป็นผู้กำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ โดยมีรัฐบาลจีนเป็นผู้นำแนวคิดสู่การปฏิบัติจริง เพื่อสร้างรัฐสังคมนิยมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบจีน ที่สำคัญจีนรู้จักทบทวน ยอมรับความผิดพลาด และไม่ยึดติดจนเกินไป แต่ทุกๆ บาดแผลเป็นบทเรียนผลักดันให้จีนแก้ไขและปรับปรุงเพื่อก้าวสู่หนทางการพัฒนาที่ถูกต้องและสอดคล้องกับยุคสมัย

เฉกเช่นเมื่อจีนตระหนักได้ว่า “การปฏิวัติวัฒนธรรม” ได้สร้างความพินาศให้กับจีนมานับสิบปี เมื่อโลกเปลี่ยน จีนจึงต้องดำเนินนโยบาย “ปฏิรูปและเปิดประเทศ” พลิกแนวคิดการพัฒนาแบบ 180 องศา ยึดมั่นระบอบการปกครองแบบสังคมนิยม แต่ยอมให้เศรษฐกิจดำเนินไปแบบทุนนิยม

ขณะเดียวกัน พรรคฯ และรัฐบาลจีน ก็ยึดมั่นในธรรมาภิบาลที่ดีงามและธรรมนูญพรรคอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะนโยบายที่เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการคอรัปชั่นนับตั้งแต่การก้าวขึ้นมาของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง

สถิติล่าสุดจากคณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะกรรมการตรวจสอบแห่งชาติ ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา จีนมีการตรวจสอบคดีที่ประพฤติผิดบัญญัติ 8 ประการของพรรคฯ แล้ว 35,752 คดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ประพฤติผิดวินัยพรรคฯ ถึง 50,490 คน ซึ่งกรณีล่าสุดคือการปลด นายฉินกวงหรง (秦光荣) อดีตเลขาธิการพรรคฯ ประจำมณฑลยูนนานออกจากการเป็นสมาชิกพรรคในข้อหาคอรัปชั่น

การบังคับใช้กฎหมายหรือกฎระเบียบต่างๆ ของจีนนั้นเข้มงวดและจริงจัง ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆ อย่างการคอรัปชั่น จนถึงเรื่องใกล้ตัวอย่างวินัยจราจรและการแยกขยะก่อนทิ้งลงถัง ฯลฯ ซึ่งทำให้ชาวจีนเกรงกลัวการทำผิด และปฏิบัติตัวอยู่ในร่องในรอย
ตงเฟิง 41 (DF-41) ในขบวนพาเหรดฉลองวาระครบรอบ 70 ปีแห่งการสถานาสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2019 (ภาพ รอยเตอร์ส)
ปัจจัยที่สอง ประชาชนจีน คือ กำลังสำคัญที่ทำให้จีนบรรลุเป้าหมายในการพัฒนามาจนทุกวันนี้ ไม่มีสาขาวิชาใดที่จีนจะไร้ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น แถมชาวจีนส่วนใหญ่ยังมีคาถาการทำงานว่า “Nothing is Impossible”

ทุกวันนี้ จีนมีวิศวกรนับร้อยล้านคน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าชาติใดๆ ในโลก นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่เป็นเยาวชนรุ่นใหม่ของจีนพร้อมจะคิดค้นทดลองและนำเสนอไอเดียใหม่ที่พลิกโฉมโลกในด้านต่างๆ ทั้งที่เป็น Hardware และ Software

สำหรับบางประเทศ ประชากรเยอะอาจจะไม่ใช่ข้อได้เปรียบ และสำหรับบางประเทศ ประชากรน้อยก็ยังสร้างแต่ความวุ่นวาย ไร้จุดหมาย และขาดความสามัคคี

แต่สำหรับจีน พิธีเฉลิมฉลองที่รวมพลทหารและประชาชนแล้วนับ 200,000 คนที่ร่วมสวนสนามในชุดต่างๆ เป็นสิ่งพิสูจน์ความมีวินัย ความอดทน ความทุ่มเท และความสามัคคีของชาวจีน ตลอดจนความสามารถในการบริหารจัดการขั้นเทพได้เป็นอย่างดี โดยมี “ความรักชาติ” ที่หลอมหลวมชาวจีนทุกภาคส่วนให้เป็นหนึ่งเดียว

ปัจจัยที่สาม กองทัพจีน ในทัศนะของจีน “กองทัพที่เข้มแข็ง ถึงจะทำให้ชาติแข็งแกร่ง” ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่จีนขนอาวุธยุทโธปกรณ์มาโชว์แบบจัดเต็ม โดยมีพลทหารจากทั้งทัพบก เรือ อากาศ ร่วมสวนสนามราว 15,000 นาย พร้อมด้วยเครื่องบินรบ 160 กว่าลำ และอาวุธยุทโธปกรณ์ถึง 580 ชุด โดยมีไฮไลท์ที่ทั่วโลกจับตามอง คือ “ตงเฟิง 41” หรือ DF-41 ซึ่งเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป ที่มีพิสัยยิ่งไกลถึง 15,000 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 30,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือใช้เวลาเพียง 12 นาทีถึงมอสโคว, 16 นาทีถึงลอนดอน, และ 20 นาทีถึงนิวยอร์ก ที่สำคัญสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง 10 ลูก และแยกโจมตีเป้าหมายได้อย่างอิสระ

พิธีสวนสนามในเช้าวันที่ 1 ต.ค. จึงถือเป็นการประกาศแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่ว่าจีนมีศักยภาพเกินร้อยที่จะพิทักษ์อธิปไตยแห่งชาติ และประกันการรักษาสันติภาพโลกของจีน ซึ่งในมุมของจีน นี่คือการแสดงความโปร่งใสและจริงใจต่อนานาชาติว่าจีนจะผงาดขึ้นอย่างสันติ โดยไม่เคยคิดที่จะเป็นภัยคุกคามต่อโลกแต่อย่างใด เพราะจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา จีนไม่เคยเป็นฝ่ายรุกรานชาติใดก่อน

สีจิ้นผิงกล่าวในตอนท้ายของสุนทรพจน์ว่า...
จีนเมื่อวานนี้ได้จารึกไว้แล้วในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์
จีนในวันนี้อยู่ในมือที่สร้างสรรค์ของชาวจีนนับร้อยล้านคน
จีนในวันพรุ่งนี้ย่อมจะดีงามยิ่งๆ ขึ้นไป

70 ปีได้ผ่านพ้นไป จีนเริ่มต้นจาก “ยืนขึ้นมา” สู่ “รวยขึ้นมา” จนถึง “แกร่งขึ้นมา” ในวันนี้

อนาคตจีนจะยืนหยัดก้าวเดินสู่หนทางแห่งการบรรลุ “ความฝันของจีน” ที่จะฟื้นฟูประชาชาติจีนที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จภายใน 100 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน !!!


กำลังโหลดความคิดเห็น