ในวาระครบรอบ 70 ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนที่กำลังมาถึงในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมาทูลเกล้าถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ “รัฐมิตราภรณ์” แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับปีนี้จีนได้มอบเครื่องราชฯ ‘รัฐมิตราภรณ์’ ให้แก่ชาวต่างชาติเพียง 6 คนเท่านั้น
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯทรงมีพระราชจริยวัตรอันโดดเด่นในด้านจีน ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2523 และเสด็จครบถ้วนทุกมณฑลและมหานครในปี พ.ศ.2547 พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนรวมทั้งสิ้น 48 ครั้ง โดยการเสด็จฯเยือนจีนครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมในด้านการศึกษาภาษาและวัฒนธรรมจีน ทั้งทรงพระอักษรภาษาจีน การเขียนลายสือศิลป์จีน (เขียนอักษรจีนด้วยพู่กัน) การวาดภาพแบบจีน ฝึกรำมวยไทเก๊ก ตลอดจนดนตรีจีน อีกทั้งได้ทรงพระราชนิพนธ์การเดินทางสู่ประเทศจีน และพระราชนิพนธ์แปลวรรณกรรมจีนยุคปัจจุบันออกมาเป็นฉบับภาษาไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลากว่าสามสิบปี สิ่งเหล่านี้นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงในการส่งเสริมสัมพันธไมตรี การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม อีกทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจระหว่างประชาชนในระดับลึกซึ้ง
“วาสนาที่ผูกพันกับจีน”.....
อาจารย์ เผย เสี่ยวรุ่ย ศาสตราจารย์ประจำคณะภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ได้เขียนบทบันทึกเรื่อง “เสน่ห์แห่งพระจริยวัตรในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” ซึ่งเป็นหนึ่งในบทบันทึกของเหล่าพระอาจารย์ผู้เคยถวายพระอักษรภาษาจีนแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ โดยบทบันทึกเหล่านี้ถูกรวบรวมไว้ในหนังสือ เมื่อได้ใกล้ชิดยุคลบาท พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชวนอ่าน, ปี 2558
...เนื้อหาในตอน “วาสนาที่ผูกพันกับจีน” ของบทบันทึกฯระบุว่า “ใน ปี พ.ศ.2516 ระหว่างที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปเยือนประเทศสวีเดน ได้เสด็จชมพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุเอเชียตะวันออกไกล (Museum of Far Eastern Antiquities) ในกรุงสต็อกโฮล์ม และได้ทอดพระเนตรเห็นเครื่องเคลือบดินเผาของจีนจำนวนมาก นับแต่นั้นมาก็ทรงเริ่มสนพระราชหฤทัยในเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีน ครั้นเมื่อทรงเข้ารับการศึกษาในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ทรงพระอักษรหนังสือและตำรับตำราเกี่ยวกับประเทศจีนจำนวนมากทั้งที่เป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส กระทั่งในปี พ.ศ.2523 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงสนับสนุนให้ทรงพระอักษรภาษาจีนกับพระอาจารย์ชาวจีนที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยจัดถวายฯ”
พระอาจารย์ที่ถวายพระอักษรภาษาจีนอีกท่าน หวังจวิ้นเซี่ยง เล่าว่า “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ เริ่มทรงพระอักษรภาษาจีนอย่างเป็นกิจจะลักษณะในปี พ.ศ. 2523 โดยทางการจีนจัดส่งพระอาจารย์มาถวายพระอักษรเป็นประจำต่อเนื่องกว่า 30 ปี แม้พระราชกรณียกิจมากล้น แต่ทรงมั่นในพระปณิธานว่า “จะต้องเรียนให้เป็น” จึงทรงสละเวลาพักผ่อนสำราญพระวรกาย ทรงศึกษาด้วยความมานะพยายาม อย่างยากลำบาก อย่างรับผิดชอบต่อประโยชน์ของประเทศชาติและพสกนิกร
เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงพระอักษรภาษาและวัฒนธรรมจีน ณ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เป็นเวลาหนึ่งเดือนระหว่างวันที่ 14 ก.พ. ถึง 15 มี.ค. 2544 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯทรงตรัสว่า “การจะรู้เรื่องเกี่ยวกับจีนให้ลึกซึ้งได้ ไม่ควรพึ่งแต่ตำราที่ฝ่ายตะวันตกเขียนขึ้นเท่านั้น จะต้องสืบเสาะหาข้อมูลอ้างอิงที่เป็นภาษาจีนด้วย”
เมื่อทรงเสร็จสิ้นการศึกษาทางมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญากิตติมศักดิ์แด่พระองค์ ต่อมาในปี 2548 มีการจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวัฒนธรรมไทย-จีน สิรินธร ณ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
อาจารย์ เผย เสี่ยวรุ่ย เล่าความประทับใจเกี่ยวกับพระวิริยะด้านทรงพระอักษรและทรงพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่า ในบันทึกฯว่า “ช่วงเวลา 30 วัน ที่ทรงพระอักษรอยู่ในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ทรงใช้ปากกาลูกลื่นจนน้ำหมึกหมดไปถึง 8 ด้าม น่าจะถือได้ว่าเป็นสถิติประวัติการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในวงการอาจารย์และนักศึกษา”
ในบันทึกของพระอาจารย์ เผย์ เสี่ยวลุ่ย ยังได้เผยพระปรีชาญาณและพระอัจฉริยภาพในศาสตร์และศิลป์ต่างๆหลายแขนง พระราชนิพนธ์วรรณกรรมเยาวชนเรื่องแก้วจอมแก่น ก็ได้รับการแปลเป็นภาษาจีนและพิมพ์เผยแพร่ในประเทศจีน เป็นต้น ผลงานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ที่ได้รับการการเผยแพร่ในนิทรรศการภาพถ่าย และจัดพิมพ์หนังสือรวมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ 2 เล่ม ซึ่งล้วนเป็นภาพผลงานที่ทรงถ่ายไว้เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศจีน ตลอดจนพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี การเขียนภาพลายเส้นการ์ตูน
เมื่อครั้งที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯได้รับการถวายรางวัล “มหามิตรนานาชาติที่ผูกพันกับประชาชาติจีน” เมื่อปีพ.ศ.2552 โดยเป็นรางวัลจากโหวตทางอินเทอร์เน็ตของโครงการ “สายใยจีน-สิบมหามิตรนานาชาติที่ผูกพันกับประชาชาติจีน...” ซึ่งชาวจีนได้เทคะแนนให้พระองค์เป็น 1 ใน 10 มหามิตรของจีน
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯได้ทรงมีพระราชดำรัสด้วยภาษาจีนในงานพิธีมอบรางวัลฯว่า “คำว่า “มิตร” เป็นคำที่มีนัยลึกซึ้งและงดงาม มิตรแท้ล้ำค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินใดๆในโลก ข้าพเจ้าและผู้ได้รับรางวัลในวาระนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีสักวันหนึ่งที่มนุษย์ชาติจะส่งมอบมิตรภาพให้แผ่ไปทั่วทุกมุมโลก ข้าพเจ้าเชื่ออย่างจริงใจว่า มีแต่การที่ประชาชนของทุกๆชาติสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีไมตรีจิตต่อกันเท่านั้น จึงจะส่งผลให้สามารถก้าวไปสู่โลกแห่งอารยธรรมที่สูงส่งงดงาม มีสันติสุขยิ่งขึ้นตามที่มนุษยชาติต่างปรารถนา…”
ล้อมกรอบ
พระราชนิพนธ์ และพระราชนิพนธ์แปล ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เฉพาะที่เกี่ยวกับจีนตั้งแต่ พ.ศ. 2524- ปัจจุบัน
พระราชนิพนธ์ชุดเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน
ย่ำแดนมังกร (พ.ศ.2524)
มุ่งไกลในรอยทราย (พ.ศ.2533)
แกะรอยโสม (พ.ศ.2534)
ไอรัก คืออะไร? (พ.ศ.2536)
เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 1-5 (พ.ศ.2537)
ใต้เมฆที่เมฆใต้ (พ.ศ.2538)
เย็นสบายชายน้ำ (พ.ศ.2540)
คืนถิ่นจีนใหญ่ (พ.ศ.2541)
เจียงหนานแสนงาม (พ.ศ.2543)
เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอก (พ.ศ.2544)
หวงเหออู่วัฒนธรรม (พ.ศ.2544)
ต้นน้ำ ภูผา และป่าทราย (พ.ศ.2548)
พระราชนิพนธ์แปล
ผีเสื้อ 蝴蝶 ผลงานของ หวังเหมิ่ง (王蒙) (พ.ศ.2537)
เก็จแก้วประกายกวี (บทกวีจีน พ.ศ. 2538), เมฆเหินน้ำไหล (行云流水) ผลงานของ ฟังฟัง (方方) (พ.ศ. 2539)
หยกใสร่ายคำ (บทกวีจีน พ.ศ. 2541)
เพียงวันพบ วันนี้ที่สำคัญ (รวมพระราชนิพนธ์แปล พ.ศ. 2548) ประกอบด้วย ความเรียงเรื่อง แสงโคมของไอ้ร์เค่อ(爱尔的灯光) ผลงานของปาจิน(巴金) และเรื่องสั้นขนาดยาวเรื่อง สาวน้อยเสี่ยวหยูว (少女小渔) ผลงานของ เหยียนเกอหลิน (严歌苓)
หมู่บ้านเล็กตระกูลเป้า (小鲍庄) ผลงานของ หวังอันอี้ (王安忆) (พ.ศ. 2555)
นารีนครา (她的城) ผลงานของ ฉือลี่ (池莉) (พ.ศ. 2556)
ตลอดกาลน่ะ นานแค่ไหน (永远有多远) ผลงานของ เที่ยหนิง (铁凝) (พ.ศ. 2557)