xs
xsm
sm
md
lg

ฮ่องกงกำลังเผชิญศึกใหญ่สองด้าน ทั้งเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตการดำรงอยู่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ชายฮ่องกงกำลังอกกำลังกายในย่าน Hung Hom Promenade ของฮ่องกง ภาพ 23 ส.ค. 2019 (ภาพรอยเตอร์ส)
รอยเตอร์ส--ฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการค้าและธุรกิจที่สำคัญสุดแห่งหนึ่งของโลกต้องกระเสือกกระสนอย่างหนักในปีนี้ซึ่งสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯบานปลายไม่เลิกรา

แต่การประท้วงของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่ยืดเยื้อมาสามเดือน ทำให้ดินแดนของจีนแห่งนี้ที่มีระบอบการปกครองกึ่งปกครองตัวเอง เป็นสวรรค์นักช้อป และเป็นเป้าหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวนักชิมนับหลายล้าน ต้องเผชิญศึกใหญ่สองด้าน ได้แก่ วิกฤตการดำรงอยู่ (existential crisis) และวิกฤตเศรษฐกิจ

บรรดาภาคธุรกิจต่างหนาวๆร้อนๆ กลุ่มธนาคารออกประกาศเตือนเรื่องผลกำไร ขณะที่โรงแรมและภัตตาคารมีห้องพักและโต๊ะที่นั่งว่างถึงครึ่งหนึ่ง อีเวนท์ระดับโลกหลายงานถูกเลื่อนออกไป ด้านกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ทำนายว่ายอดค้าปลีกกำลังลื่นไถลลงไปอีกถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้

ฮ่องกงกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบทศวรรษ อัตราเติบโตของภาคธุรกิจการค้าที่เป็นเสาหลักกำลังตกอยู่ในความกดดันอย่างหนัก

ขณะที่การประท้วงทำให้กิจกรรมต่างๆในแต่ละวันหยุดชะงัก ผู้นำจีนก็ได้ระดมกองกำลังกึ่งทหารออกมาทำการฝึกซ้อมแสดงพละกำลังที่บริเวณชายแดนฮ่องกงในเมืองเซินเจิ้น สถานการณ์เหล่านี้ได้สร้างคำถามต่ออนาคตเศรษฐกิจ การเงิน และการเมืองของดินแดน

ในไตรมาสเดือนเม.ย.-มิ.ย. ที่ยังไม่มีปัจจัยผลกระทบจากการประท้วงฯ เศรษฐกิจยุบไป 0.4 เปอร์เซ็นต์เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า...ต่อมาผู้ประท้วงได้เดินขบวนใหญ่และเกิดเหตุปะทะทั่วเกาะ การจราจรหยุดชะงัก การจับจ่ายซื้อสินค้าและการท่องเที่ยวแน่นิ่ง ไปถึงการปิดสนามบินนานาชาติฮ่องกงซึ่งเป็นศูนย์กลางเดินทางที่คักคั่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ความวุ่นวายโกลาหลเหล่านี้จะส่งผลกระทบเท่าไหร่?

มาถึงไตรมาสที่สาม การเข้าสู่ภาวะถดถอยของฮ่องกงได้รับการยืนยันจากคำจำกัดความเชิงเทคนิก นั่นคือการหดตัวทางเศรษฐกิจสองไตรมาสติดต่อกัน
รัฐบาลคาดการณ์ว่าอัตราเติบโตเศรษฐกิจทั้งปีจะอยู่ที่ 0-1 เปอร์เซ็นต์ แต่กลุ่มนักวิเคราะห์ค่ายอื่นคาดว่ามันจะตกลงลงไปอีก จากการประเมิน ณ ปัจจุบันที่วิกฤตสังคมกำลังจ่อคอหอยฮ่องกง การหดตัวจะรุนแรงมาก
สัญญาณเตือนในภาคบริษัท

ด้วยเหตุปัจจัยความวุ่นวายทางการเมือง อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ชใหญ่สุดของจีนได้เลื่อนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยการเข้าจดทะเบียนครั้งนี้จะมีมูลค่าถึง 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวสองรายที่รู้เรื่องนี้ดี

ขณะที่แบงค์ ออฟ อีสต์ เอเชีย (Bank of East Asia) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แถลงกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกร่วงไปถึง75 เปอร์เซ็นต์ ต่อมาในวันพุธ(21 ส.ค.) ได้ออกมาเตือนผลกระทบจากการประท้วงว่าจะทำให้กลุ่มผู้ประกอบขนาดกลางและเล็กย่ำแย่ไปตามๆกัน

นอกจากนี้กลุ่มบริษัทอื่นๆอีกกว่า 20 ราย รวมทั้งนักพัฒนาอสังหาฯอย่าง Henderson Land กลุ่มโรงแรมในเครือ Shangri-La Asia, Emperor Watch & Jewellery และผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า Lifestyle International ไปยันผู้ประกอบการรถไฟใต้ดิน MTR Corp ต่างบ่นอุบในการแถลงรายได้เมื่อเร็วๆนี้ว่าการประท้วงได้หั่นรายได้ผลกำไรของพวกเขา

สหภาพแรงงานในอุตสาหกรรมโรงแรมและบริการด้านอาหาร (Catering and Hotel Industries Employees General Union) เผยกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์สว่ากลุ่มนายจ้างได้เสนอให้สมาชิกลาพักโดยไม่จ่ายเงินเดือน/ค่าจ้างในเดือนนี้เนื่องจากกิจการซบเซา

Yiu Si-wing ประธาน China Travel Service (HK) ซึ่งเป็นบริษัทจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวรายใหญ่ในแผ่นดินใหญ่ เผยว่ารายได้จากการขายห้องจะลดฮวบลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในเดือนส.ค.

“นักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งปกติมีสัดส่วนมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มายังฮ่องกง ลดฮวบลงไปถนัดเนื่องจากความวิตกด้านความปลอดภัย” Yiu บอกกับรอยเตอร์ส

กลุ่มผู้จัดการประชุมและการแสดงนิทรรศการหลายรายต่างต้องเลื่อนอีเวนท์กันระนาว

กลุ่มผู้แทนการค้าของศูนย์ค้าเพชรรายใหญ่ที่สุดในโลกได้บอกให้ออร์แกนไนเซอร์งานแสดงเพชรและอัญมณีในฮ่องกง (Hong Kong Jewellery and Gem Fair) เลื่อนอีเวนท์ออกไปเช่นกัน Hong Kong Jewellery and Gem Fair เป็นอีเวนท์ใหญ่ที่ปกติมีผู้เข้าชมงานกว่า 54,000 คน และมีแผนจัดขึ้นในเดือนก.ย.ปีนี้

BlackRock Inc ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่สุดของโลก ได้เลื่อนการประชุมสองวันในเดือนก.ย.ไปเดือนก.พ.เพื่อให้คู่หุ้นส่วนในเอเชียมาเข้าร่วมมากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ในวันพฤหัสฯ สมาคมบริหารจัดการการค้าปลีกแห่งฮ่องกง (Hong Kong Retail Management Association) ซึ่งเป็นตัวแทนของธรกิจกว่า 8,000 ราย ออกมาเรียกร้องให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินลดค่าเช่าลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 6 เดือน และเตือนว่าหากสถานการณ์ยังตึงเครียดไม่เลิก “ผู้ประกอบการค้าปลีกหลายรายอาจจะต้องปลดลูกจ้างออก”

ด้านผู้นำสูงสุด แคร์รี่ แลม ออกมาเตือนแล้วเตือนอีกการประท้วงจะทำลายเศรษฐกิจ และปฏิเสธตอบสนองข้อเรียกร้องใดๆของกลุ่มผู้ประท้วง
ในเดือนนี้ผู้นำหญิงแห่งฮ่องกงได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2,400 ล้านเหรียญ ซึ่งจะประกอบด้วยโครงการสนับสนุนด้านการศึกษา สาธารณูปโภค และช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก

แต่กลุ่มนักวิเคราะห์ได้เตือนว่าด้วยบรรยากาศที่เป็นอยู่ขณะนี้ มาตรการฯดังกล่าวอาจไม่ช่วยอะไรมากนักเนื่องจากกลุ่มบริษัทและผู้บริโภคไม่มีอารมณ์จะใช้จ่ายใดๆ และยังคาดหวังกันว่าในการแถลงนโยบายประจำปีในเดือนต.ค. แลมจะประกาศมาตรการลดหย่อนภาษีและมาตรการอื่นเพิ่มเติมสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ

จากช่วงเปลี่ยนศตวรรษมา ทุกครั้งที่เศรษฐกิจฮ่องกงประสบปัญหา เศรษฐกิจที่บูมของแผ่นดินใหญ่หรือมาตรการกระตุ้นฯต่างๆได้ช่วยประคับประคองฯ แต่ในครั้งนี้ปักกิ่งก็ประสบปัญหาชะลอตัวโดยตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจลดต่ำที่สุดในเกือบสามสิบปี อีกทั้งหนี้สินบานเบอะ

“ฮ่องกงต้องพึ่งลำแข็งตัวเองแล้วในครั้งนี้” ทอมมี่ อู่ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำ Oxford Economics

นอกจากนี้ ยักษ์ใหญ่อินเวสเมนท์ โฮลดิ้งส์ คอมพานี (Investment Holding Company /IHC)ในฮ่องกง คือ Kaisun Holdings บอกว่า “สถานการณ์สังคมในตอนนี้มันเสียดแทงลึกถึงหัวใจของพวกเรา”

“นักลงทุนหลายรายเลือกกำลังคิดเผ่นหนีจากฮ่องกง ธนาคารบางกลุ่มเริ่มวางแผนย้ายฐานไปยังเมืองอื่นๆในเอเชียกันแล้ว และสำหรับ Kaisun Holdings อาจต้องเริ่มมองหาตลาดที่อื่นให้กับธุรกิจบริการบางกลุ่ม”


กำลังโหลดความคิดเห็น