xs
xsm
sm
md
lg

จีนหนุนความร่วมมือไทย-ฮ่องกง แจงสถานการณ์ในฮ่องกง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพ: หยาง หยาง ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง สถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ปาฐกถาพิเศษ “มองอนาคตความสัมพันธ์ไทย-จีนฯ”ในงานสัมนางานสัมมนา 44 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2562
ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง สถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย นาง หยาง หยาง ชี้ฮ่องกงได้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยตลอด และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กรอบความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้ส่งเสริมให้เขตอ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊าเชื่อมโยง (Greater Bay Area) กับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทย โดยได้จัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าในประเทศไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การพัฒนาและความมั่นคงของฮ่องกงนั้นจะเอื้อต่อความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของภูมิภาคนี้ ฝ่ายจีนยินดีส่งเสริมความร่วมมือด้านต่างๆระหว่างฮ่องกงกับไทยต่อไป

หยาง หยาง ได้ย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างไทยและฮ่องกงนี้ในงานสัมมนา 44 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน : โลกผันแปรแต่มิตรภาพยั่งยืน จัดขึ้น ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2562

ในงานฯหยาง หยางได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ “มองอนาคตความสัมพันธ์ไทย-จีน และความคาดหวังต่อบทบาทของสื่อจีนและไทย” พร้อมกันนี้ยังได้ชี้แจงสถานการณ์ในฮ่องกง ดังต่อไปนี้

ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา การประท้วงและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทำให้นานาประเทศแสดงความกังวลอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าจึงขออธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและจุดยืนของรัฐบาลจีนดังต่อไปนี้

ข้อแรก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกำลังทำลายความเจริญรุ่งเรือง ความมั่นคงและชื่อเสียงของฮ่องกงในนานาชาติอย่างหนัก

การประท้วงในฮ่องกงเริ่มจากการคัดค้านการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของฮ่องกง จากนั้นกลับถูกขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว จนเกินเลยกว่าการชุมนุม การเดินขบวนหรือการประท้วงตามปกติ และมีการใช้ความรุนแรงอย่างสุดขีด โดยมีการโจมตีสภานิติบัญญัติ หน่วยงานรัฐบาลกลางประจำฮ่องกง และล้อมสำนักงานตำรวจ อีกทั้งก่อกวนการทำงานปกติของกรมสรรพากรและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น มีการใช้สารพิษและวัตถุอันตรายเข้าทำลายและรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซุกซ่อนวัตถุระเบิดจำนวนมาก ปิดสนามบินนานาชาติฮ่องกง ขัดขวางเสรีภาพในการผ่านแดนของนักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติจำนวนมาก รวมทั้งเพื่อนชาวไทยด้วย พฤติกรรมการทำร้ายนักท่องเที่ยวและนักข่าวเป็นที่ตกตะลึงของคนทั่วไป สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือมีพวกหัวรุนแรงบางคนถึงกับทำลายธงชาติและตราสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชนอย่างเปิดเผย

สถานการณ์ในฮ่องกงได้พัฒนาจากการชุมนุมอย่างสันติไปสู่การกระทำผิดทางอาญาโดยคนไม่กี่คน และพัฒนาจากการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติไปสู่การท้าทายฟางเส้นสุดท้ายของหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของฮ่องกง อีกทั้งคุกคามชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนธรรมดา นี่เป็นสิ่งที่อารยประเทศและประเทศที่ปกครองตามหลักนิติธรรมใดๆ ก็ตาม ไม่อาจยอมรับได้

"หนึ่งประเทศ สองระบบ" เป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุดเพื่อรักษาความสงบและความมั่นคงของฮ่องกง และเพื่อรักษาความเจริญรุ่งเรืองและเสถียรภาพในระยะยาวของฮ่องกง หลังจากฮ่องกงหลุดพ้นจากการถูกปกครองโดยอาณานิคมอังกฤษและกลับสู่อ้อมอกของจีนเมื่อปี 1997 ชาวฮ่องกงได้รับสิทธิและเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยมากกว่ายุคสมัยใดๆ ที่ผ่านมา ดัชนีด้านหลักนิติธรรมอยู่ในอันดับต้นๆโลก สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันระดับสากลเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

แน่นอน ฮ่องกงก็เหมือนที่อื่นๆ ที่อาจประสบปัญหาในการพัฒนาหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว และการครอบงำของแนวคิดการต่อต้านโลกาภิวัตน์และการปกป้องทางการค้า เป็นต้น
ในฐานะเขตเศรษฐกิจที่เสรีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ฮ่องกงได้เผยด้านที่เปราะบางออกมาอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่เราต้องการจะพูดก็คือ ทุกอย่างควรได้รับการแก้ไขภายใต้กรอบของกฎหมายและเพื่อการพัฒนา ต้องไม่แสดงออกในทางที่ผิดกฎหมายและต้องไม่ใช้ความรุนแรง ในหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ของฮ่องกงนั้น เราจะไม่ยอมให้มีกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศ ไม่ยอมให้มีการท้าทายอำนาจของรัฐบาลกลางและอำนาจกฎหมายขั้นพื้นฐานของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และไม่ยอมให้ผู้ใดใช้ฮ่องกงเป็นฐานในการแทรกซึมและทำลายแผ่นดินใหญ่ นี่คือ 3 เรื่องที่ห้ามผู้ใดละเมิดโดยเด็ดขาด

ข้อที่สอง ควรเฝ้าระวังปัจจัยเบื้องหลังแห่งความวุ่นวายในฮ่องกง

มีข้อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มมากขึ้นที่แสดงให้เห็นว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฮ่องกงนั้น มีผู้นิยมความรุนแรงอยู่แถวหน้า มีชาวเมืองที่หลงเชื่อคำชักชวนอยู่กองกลาง แต่เบื้องหลังกลับมีกลุ่มอำนาจ “ต่อต้านจีนและปั่นป่วนฮ่องกง”ทั้งในและนอกฮ่องกงที่คอยสนับสนุนการใช้ความรุนแรง พวกเขากระจายข่าวลวง สร้างความแตกตื่น สร้างความเข้าใจผิดให้ผู้คน เป็นทั้งผู้ประสานงาน ผู้ให้คำแนะนำและผู้สนับสนุนกิจกรรมความรุนแรง ขัดขวางไม่ให้ตำรวจฮ่องกงจับกุมผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยอ้าง "ประชาธิปไตย" และ "เสรีภาพ" ที่ฟังดูสวยงาม

นอกจากนี้ การที่สถานการณ์ในฮ่องกงทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงทุกวันนี้ ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงและการส่งเสริมของบางประเทศในตะวันตก ประเทศที่ว่านี้ ตั้งแต่ประธานาธิบดีถึงสมาชิกรัฐสภา จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงถึงกงสุลในฮ่องกงต่างก็เคยแทรกแซงกิจการของฮ่องกงในหลายรูปแบบ ทั้งการพูดในที่สาธารณะ การให้ข้อเสนอและการพบปะหารือในเรื่อง "อิสรภาพของฮ่องกง" สิ่งนี้ขัดแย้งกับจุดยืนของพวกเขาเมื่อเกิดความวุ่นวายอย่างกว้างขวางในประเทศของเขาเอง ซึ่งพวกเขาไม่ลังเลที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและใช้กองทัพเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่า "ใช้ความรุนแรงก่อความวุ่นวาย" เราเชื่อว่าประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายคงคุ้นเคยกับความจอมปลอมตีสองหน้าเช่นนี้ดี และพวกเขาจะอยู่ข้างจีนเพื่อต่อต้านพฤติกรรมนี้อย่างเด็ดขาด

ดังที่ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายต่างๆกล่าวไว้ว่า เหตุการณ์เรียกร้องการแก้ไขกฎหมายในฮ่องกงได้แปรสภาพไปแล้ว โดยมีลักษณะที่เรียกว่า "การปฏิวัติสี" อย่างชัดเจน อำนาจที่ต่อต้านการพัฒนาของจีนเหล่านั้นต้องการเปลี่ยนฮ่องกงให้กลายเป็นสนามรบสำหรับเกมระหว่างประเทศ และเปลี่ยนฮ่องกงให้กลายเป็นฐานต่อต้านรัฐบาลกลาง และเป็นเครื่องมือในการชักนำประเทศจีน

ข้อที่สาม การหยุดความรุนแรง แก้ปัญหาความวุ่นวาย คืนความสงบเรียบร้อยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในเวลานี้ รัฐบาลกลางและประชาชนชาวจีนทั้งหลายจะให้การสนับสนุนฮ่องกงอย่างเต็มที่

การหยุดความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหาความวุ่นวายได้กลายเป็นความต้องการที่เร่งด่วนที่สุดของทุกภาคส่วนในฮ่องกง และเป็นมติของคนหมู่ใหญ่ที่สุด รัฐบาลกลางของจีนสนับสนุนให้แคร์รี่ แลมเป็นผู้นำของรัฐบาลเขตปกครองพิเศษเพื่อบริหารฮ่องกงตามกฎหมายต่อไป สนับสนุนให้ตำรวจฮ่องกงดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดและเป็นธรรม สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานด้านตุลาการของรัฐบาลฮ่องกงลงโทษผู้กระทำผิดโดยใช้ความรุนแรงตามกฎหมาย และสนับสนุนให้ชาวฮ่องกงที่รักชาติช่วยกันปกป้องระบบตุลาการของฮ่องกง
การเดินขบวนที่จัตุรัสทราฟัลการ์ กรุงลอนดอน ร้องสนับสนุน “หนึ่งประเทศ หนึ่งจีน” เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ส.ค. (ภาพ รอยเตอร์ส)
สิ่งที่น่ายินดีคือ ภายใต้สถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวันนั้น มีชาวฮ่องกงจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆที่เริ่มรู้ทันแผนการที่แท้จริงของกลุ่มสนับสนุนความวุ่นวายในฮ่องกง โดยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม มีผู้คนเกือบ 470,000 คนจัดการชุมนุมเพื่อ "ต่อต้านความรุนแรงและกอบกู้ฮ่องกง" โดยมีเป้าหมายชัดเจนเรื่องการต่อต้านความรุนแรงและต้องการปกป้องหลักนิติธรรมของฮ่องกง รัฐบาลและตำรวจในฮ่องกงได้ใช้มาตรการที่เข้มงวดและได้ผลเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของความรุนแรง

เมื่อไม่นานมานี้ ท่าอากาศยานฮ่องกงก็ได้รับอนุมัติคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาลสูงสุดฮ่องกง ทำให้สนามบินฮ่องกงเริ่มกลับมาใช้งานได้ตามปกติอีกครั้ง ข้าพเจ้าเชื่อว่า ด้วยการสนับสนุนที่เด็ดเดี่ยวของรัฐบาลกลาง บวกกับการความพยายามของนางแคร์รี หลั่ม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง รัฐบาลฮ่องกงและประชาชนฮ่องกงจะทำให้ระบบตุลากรและความสงบเรียบร้อยของฮ่องกงกลับสู่มาได้อย่างแน่นอน และเรามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมเกี่ยวกับอนาคตของการดำเนินการตามหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ของฮ่องกง


กำลังโหลดความคิดเห็น