รอยเตอร์ส--อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ลื่นไถลต่ำกว่า 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ท่ามกลางแรงกดดันต่อเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
ปัจจัยที่สร้างแรงกดดันอย่างหนักหน่วงต่อเศรษฐกิจมังกรมาจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯที่บานปลายไม่จบไม่สิ้น เมื่อวันพฤหัสฯ(1 ส.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แถลงจะเพิ่มอัตราภาษีศุลกากร 10 เปอร์เซ็นต์ กับสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลือมูลค่า 300,000 สหรัฐ จากวันที่ 1 ก.ย. ซี่งเป็นการฉีกสัญญา “พักรบ” สงครามการค้าที่ทรัมป์กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ตกลงกันในซัมมิต G20 เมื่อเดือนมิ.ย.
หลังเปิดตลาดค้าอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศ สกุลเงินหยวนอยู่ที่ 6.9999 หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ และดิ่งลงมาที่ 7.0240 หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐในเวลา 01.55 น. ตามเวลามาตรการสากล (GMT) เป็นครั้งแรกนับจากวันที่ 9 พ.ค. 2008 ที่เสกุลเงินจีนอ่อนค่าทะลุระดับ 7 หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างมากหลังจากที่ธนาคารประชาชนจีนหรือธนาคารกลางจีน กำหนดเส้นกลางในแถบการค้าสุกลเงินหยวนประจำวันที่ 6.9225 หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินหยวนในต่างประเทศก็อ่อนค่าอย่างเป็นประวัติการณ์เช่นกัน เท่ากับ 7.1094 หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ จากนั้นกระเตื้องขึ้นหน่อยที่ 7.0655 หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐในเวลา 02.00 น. ตามเวลามาตรการสากล (GMT)
ความตึดงเครียดในการค้าที่ปะทุขึ้นมากนี้ทำให้ตลาดเงินโลกวิตกกังวลกันไปว่าจีนจะปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าเช่นนี้เพื่อที่จะช่วยภาคส่งออกที่โดนพิษสงครามการค้าอ่อมเช่นกัน
แต่ Frances Cheung หัวหน้าหน่วยยุทธศาสตร์มหภาคประจำเอเชียที่ธนาคารเวสท์แพค (Westpac) ในสิงคโปร์ ชี้ว่าการลดค่าเงินหยวนไม่ได้ช่วยต้านผลกระทบจากการขึ้นอัตราภาษีภาษีมากนักเนื่องจากอัตราภาษีสูงมาก
“การขึ้นอัตราภาษีเพิ่มเติมกำลังมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้า ธนาคารกลางจะต้องผ่อนปรนมากขึ้นเพื่อช่วยการเติบโตเศรษฐกิจ”
กลุ่มนักวิเคราะห์กล่าวก่อนหน้านี้ว่าจีนจะควบคุมการลดค่าเงินเนื่องจากความวิตกเงินทุนไหลออก