MGR ONLINE--อดีตนายกรัฐมนตรีจีนผู้วายชนม์ของจีน หลี่ เผิง และโจว เอินไหล ต่างอยู่ในความรับรู้ของชาวจีน ณ แห่งที่แตกต่างกันคนละขั้ว คนหนึ่งถูกโจมตีวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง ขณะที่อีกคนเป็นวีรบุรุษแห่งชาติ
ภาพลักษณ์ของอดีตนายกฯหลี่เผิง ตราตรึงในความทรงจำของชาวโลกอย่างไม่รู้ลืมจากบทบาทในเหตุการณ์ปราบปรามกลุ่มประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมินปี 1989 หลี่เป็นหนึ่งในผู้นำสำคัญที่ผลักดันการตัดสินใจและออกคำสั่งให้กองทัพเคลื่อนขบวนรถถังติดอาวุธเข้าสลายการชุมนุมประท้วงที่นำโดยกลุ่มนักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ปี 1989 ซึ่งบางแหล่งระบุว่ามีผู้เสียชีวิตนับนับร้อยไปถึงนับพันๆคนระหว่างเหตุการณ์ฯแต่รัฐบาลจีนไม่เคยประกาศตัวเลขฯนี้ สื่อเทศบางรายจึงให้ฉายาหลี่เผิงเป็น “นักฆ่าแห่งปักกิ่ง”
สัปดาห์ที่แล้ว สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนได้รายงานข่าวอสัญกรรม “หลี่ เผิงได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคที่ไม่แจ้งชัดในคืนวันจันทร์ที่ 22 ก.ค.”
ในแถลงการณ์อสัญกรรม ผู้นำจีนยกย่องหลี่เป็นสมาชิกที่ทรงคุณูปการต่อพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นทหารหาญผู้จงรักภักดีแห่งกองทัพแดง เป็นนักปฏิวัติแห่งชนชั้นกรรมาชนที่ดีเด่น และรัฐบุรุษของประเทศชาติ พร้อมทั้งกล่าวยกย่องบทบาทของหลี่ในการปราบปรามที่จัตุรัสเทียนอันเหมินปี 1989
“ด้วยความสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นของกลุ่มผู้นำการปฏิวัติอาวุโสโดยมีสหายเติ้ง เสี่ยวผิงเป็นตัวแทน สหายหลี่ เผิงมีจุดยืนชัดเจนเช่นเดียวกับเหล่าสหายในคณะกรรมการกรมการเมืองหรือโปลิตบูโรในการดำเนินมาตรการเด็ดขาดเพื่อยุติความวุ่นวาย หยุดการก่อความวุ่นวายของกลุ่มปฏิกิริยาการปฏิวัติเพื่อรักษาเสถียรภาพประเทศชาติ นับเป็นบทบาทที่เป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อชะตากรรมของพรรคฯและประเทศชาติ ” แถลงการณ์อสัญกรรมระบุ
ประวัติชีวิตหลี่ เผิง เกิดที่เซี่ยงไฮ้ บ้านเดิมของบรรพบุรุษอยู่ที่มณฑลเสฉวน บิดาคือ หลี่ ซั่วซุน (李硕勋) หลี่ผู้พ่อเป็นนักเขียนและเพื่อนของโจว เอินไหล เขาถูกพรรคก๊กมินตั๋งสังหารในปี 1931 และได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษแห่งการปฏิวัติผู้พลีชีพ
หลี่เขียนในบันทึกความทรงจำของตนว่า เขาได้พบกับภรรยาของโจวคือ เติ้ง อิ่งเชาในเฉิงตูเมื่อปี 1939 และได้ไปอาศัยที่บ้านของโจวในฉงชิ่ง เรื่องที่หลี่ เผิงเป็นบุตรบุญธรรมของโจวนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร
ปี 1984 หลี่ไปศึกษาที่สถาบันพลังงานแห่งกรุงมอสโก (Moscow Power Engineering Institute) เอกวิศวกรรมพลังงานไฟฟ้า โซเวียตจึงเป็นเบ้าหลอมแนวความคิดของเขา เมื่อหลี่กลับประเทศในปี 1955 ก็คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมพลังงาน
หลี่เข้าสู่สังเวียนการเมืองจนได้เป็นผู้นำดาวรุ่งในสมัยผู้นำสูงสุดเติ้ง เสี่ยวผิงจากช่วงทศวรรษที่ 1970 โดยได้กินตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการพลังงาน เป็นต้น
ในช่วงทศวรรษที่ 1980 จีนเริ่มเบี่ยงเบนจากระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลางและหันมาดำเนินการปฏิรูประบบตลาดโดยมีผู้นำนักปฏิรูปอย่างหู เย่าปัง (เลขาธิการพรรคฯปี 1982-1987) และจ้าว จื่อหหยัง (นายกรัฐมนตรีปี 1980-1987) สนับสนุนอย่างแข็งขัน ขณะนั้นเกิดการแตกคอภายในพรรคฯเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์และทิศทางใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ
เมื่อหู เย่าปังผู้นำนักปฏิรูปถูกบีบให้ลาออกจากเลขาธิการพรรคฯในปี1987 โดยนายกฯจ้าว จื่อหยังขึ้นมาแทนที่ หลี่ได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกฯแทนจ้าว เมื่อจ้าวนั่งเก้าอี้นายใหญ่พรรคฯเขายังสานต่อแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองต่อจากหู เย่าปัง
หลี่กับจ้าวขัดแย้งกันหนักขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปี 1989 กลุ่มนักศึกษานับแสนคนนำขบวนประท้วงเรียกร้องการปฏิรูปประชาธิปไตยเข้ามายังจัตุรัสเทียนอันเหมินในเดือนเม.ย.จนมีประชาชนเข้าร่วมนับล้านคน จ้าวแสดงความเห็นใจและเรียกร้องให้มีการเจรจากับกลุ่มนักศึกษา แต่หลี่ปฏิเสธและเดินหน้ามาตรการแข็งกร้าวปราบ “กลุ่มที่ก่อความวุ่นวาย”
ในวันที่ 19 พ.ค. 1989 หลี่ เผิง ได้ประกาศมาตรการแข็งกร้าวใน “คำปราศรัย 5.19” ซึ่งเหมือนเติมเชื้อเพลิงให้กับกระแสความไม่พอใจของกลุ่มนักศึกษาลุกโหมแรง วันถัดมา (20 พ.ค.) หลี่ก็ประกาศกฎอัยการศึกในกรุงปักกิ่ง หลังเหตุการณ์ปราบปรามนองเลือด “วันที่ 4 มิ.ย.” หลี่กลายเป็นบิ๊กหมายเลขสองของกลุ่มที่กุมอำนาจสูงสุดในประเทศโดยมีเจียง เจ๋อหมินเป็นใจกลางแห่งกลุ่มการนำประเทศจีนรุ่นที่สาม ส่วนจ้าว จื่อหยังถูกกักบริเวณในบ้านพักจนถึงแก่อสัญกรรมในอีกกว่า 15 ปีต่อมา
ในวันที่จีนออกข่าวอสัญกรรมของหลี่เผิง กลุ่มรณรงค์ประชาธิปไตยในฮ่องกง ออกแถลงการณ์ระบุว่ากลุ่มหัวหอกที่ร่วมสนับสนุนการใช้กำลังปราบปรามที่จัตุรัสเทียนอันเหมินปี 1989 ได้แก่ เติ้ง (เสี่ยวผิง) -หลี่ (เผิง)-หยัง (ซ่างคุน) ขณะนี้หลี่เผิงเป็นผู้นำคนสุดท้ายของกลุ่มฯที่ล่วงลับ จีนควรประกาศความจริงในเหตุการณ์ “4 มิ.ย.” โดยเร็วที่สุด ชำระล้างมลทินให้กับขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยแห่งปี 89 ดำเนินการไต่สวนและจับมือสังหารมารับผิดชอบ
ในคำแถลงข่าวอสัญกรรมยังยกย่องหลี่เป็นผู้นำที่สร้างคุณูปการโดดเด่นในภาคพลังงานไฟฟ้าและเป็นผู้บุกเบิกคนสำคัญในการวางพื้นฐานการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์
ผลงานสะเทือนเลื่อนลั่นที่โลกจดจำของเขาคือ การผลักดันโครงการก่อสร้างเขื่อนสามโตรก (Three Gorges Dam) บนฝั่งน้ำแยงซีเกียง เมืองอี๋ชัง มณฑลหูเป่ยท่ามกลางกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ทางการจีนยืนยันเป้าหมายการก่อสร้างฯเพื่อป้องกันน้ำท่วมและผลิตพลังงานสะอาด ขณะนั้นถือว่าเขื่อนสามโตรกมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยตัวเขื่อนยาว 2.3 กิโลเมตร พื้นที่รับน้ำ 632 ตารางกิโลเมตร ต้องอพยพคนออกจากพื้นที่ถึง 1.4 ล้านคน เพื่อดำเนินการก่อสร้างเมื่อปี 1994 และทำพิธีเปิดฯเมื่อปี 2003
ภาคอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศอยู่ในมือของครอบครัวของหลี่ทั้งสิ้น
บุตรชายคนโตของเขา คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หลี่ เสี่ยวเผิงอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอแห่งบริษัท ไชน่า หัวเหนิง กรุ๊ป (China Huaneng Group) 1 ในกลุ่ม 5 วิสาหกิจรัฐรายใหญ่ หลี่น้อยผู้นี้มีฉายาคือ “ราชาการไฟฟ้าแห่งเอเชีย” นอกจากนี้ บุตรสาว หลี่ เสี่ยวหลินรองประธานบริษัทผลิตกระแสไฟฟ้ารายใหญ่ China Datang Corporation ก็มีฉายา “ราชินีการไฟฟ้าแห่งเอเชีย”
ข่าวการจากไปของผู้คนมักทำให้ชาวไทยหลายคนได้นึกถึงบทร้อยกรองจากกฤษณาสอนน้องคำฉันท์ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหลายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
ประวัติชีวิตของหลี่ เผิง
1928: ถือกำเนิดที่นครเซี่ยงไฮ้
มี.ค. 1941: เดินทางไปเหยียนอัน เข้าร่วมการปฏิวัติและศึกษา คนทั่วไปเข้าใจว่าเขาคือ “ลูกเลี้ยงของโจว เอินไหล”
พ.ย. 1945: เข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์
ก.ย. 1948: ถูกส่งไปศึกษาที่สถาบันพลังงานแห่งกรุงมอสโก (Moscow Power Engineering Institute) เอกวิศวกรรมพลังงานไฟฟ้า
มี.ค. 1955: เดินทางกลับประเทศ เข้าทำงานในอุตสาหกรรมพลังงาน เริ่มงานที่การไฟฟ้าแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือจีน (Northeast electric power administration) จนกระทั่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายใหญ่สำนักงาน
1966-1979: เลขาฯคณะกรรมาธิการพรรคฯประจำสำนักงานจ่ายไฟฟ้าแห่งปักกิ่ง (Beijing Power Supply), หัวหน้าคณะกรรมการการปฏิวัติ, หัวหน้าสำนักงานการไฟฟ้าแห่งกรุปักกิ่ง
จากเดือนเม.ย. 1979: รัฐมนตรีช่วยว่าการพลังงานซึ่งต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอนุรักษ์น้ำและพลังงานไฟฟ้า (water conservancy and electric power)
มิ.ย. 1983: รองนายกรัฐมนตรีแห่งคณะมุขมนตรีจีน
ก.ย. 1985: ได้รับการเลือกตั้งเข้าเป็นสมาชิกองค์กรอำนาจสูงสุดของพรรคฯคือ สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองหรือโปลิตบูโรฯ
พ.ย. 1987: ได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง และรักษาการณ์นายกฯ
เม.ย. 1988: ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
พ.ค. 1989: ก่อนวันที่ 4 มิ.ย. ประกาศนโยบายแข็งกร้าวผ่านสถานีโทรทัศน์ “คำปราศรัย 5.19” ยิ่งกระตุ้นให้กลุ่มนักศึกษาออกมาเดินขบวนประท้วง วันที่ 20 พ.ค. ลงนามคำสั่งคณะรัฐบาล ประกาศกฎอัยการศึกในเขตปักกิ่ง
มิ.ย. 1989: สั่งกองกำลังติดอาวุธ เคลื่อนขบวนรถถังสลายการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน
มี.ค. 1993: กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย อภิมหาโครงการก่อสร้างเขื่อนสามโตรก เริ่มก่อสร้าง
ก.ค. 1997: เป็นประธานในพิธีรับมอบการส่งมอบอำนาจการปกครองฮ่องกงจากอังกฤษ
มี.ค. 1998: ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการประจำของสมัชชาผู้แทนประชาชนจีน (National People's Congress-NPC)
มี.ค. 2003: ปลดเกษียณตำแหน่ง
22 ก.ค. 2019: ถึงแก่อสัญกรรม