เอเจนซีส์—จีนและสหรัฐฯตกลง “หยุดยิง” อีกครั้งในสงครามการค้า ทรัมป์สัญญาไม่ขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าจีนอีก และสหรัฐฯพร้อมยกเลิกมาตรการห้ามบริษัทอเมริกันค้าขายกับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์
รายงานข่าวจีน-เทศเผย ในวันนี้(29 มิ.ย.) ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประชุมทวิภาคีระหว่างการประชุมสุดยอดจี-20 ณ เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
ประธานาธิบดีทรัมป์เผยผลการประชุมที่มีเดิมพันสูงครั้งนี้ว่า “ผลออกมาดีกว่าที่คาดไว้”
ทรัมป์ได้พูดคุยกับสื่อในการประชุมนอกรอบของG20 ยืนยันเขาได้สัญญากับประธานาธิบดีสีว่า สหรัฐฯจะไม่ขึ้นภาษีการค้าต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ “ณ ตอนนี้” และจะกลับมาเปิดการเจรจาเพื่อยุติสงครามการค้า ก่อนหน้านี้ทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีกระลอก มูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หากว่าประธานาธิบดีสีไม่มาคุยกับเขาที่ญี่ปุ่น หรือถ้าหากการเจรจาไม่ได้ผลเป็นชิ้นเป็นอัน
ทรัมป์ยังบอกอีกว่ากลุ่มบริษัทอเมริกันสามารถค้าขายกับยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีน หัวเว่ยได้ยกเว้นการขายอุปกรณ์ที่อาจคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งการประกาศฯนี้ถือเป็นการยุติกฎห้ามบริษัทสหรัฐฯค้าขายกับหัวเว่ย และกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯจะประชุมในวันอังคารหน้า(2 ก.ค.) เพื่อพิจารณาและตัดสินใจการถอดชื่อหัวเว่ยออกจากบัญชีดำการค้า (entities list) ซึ่งบริษัทอเมริกันจะต้องได้รับอนุญาตก่อนที่จะขายผลิตภัณฑ์ใดๆให้กับบริษัทในบัญชีดำ
ทรัมป์เผยว่าเขาและประธานาธิบดีสีไม่ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับกรณีของซาบีน่า เมิ่ง หัวหน้าฝ่ายการเงินของหัวเว่ย ขณะนี้ซาบีน่า เมิ่งซึ่งเป็นบุตรสาวของเหริน เจิ้งเฟยผู้ก่อตั้งหัวเว่ยด้วยนั้น ถูกคุมขังอยู่ในประเทศแคนาดาเพื่อรอการไต่สวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปให้กับสหรัฐฯในความผิดละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
ทรัมป์ยังกล่าวว่า จีนและสหรัฐฯสามารถเป็น “คู่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” กันได้ อย่างไรก็ตาม “ทางสหรัฐฯได้เปิดกับจีนแต่จีนไม่เปิดกับสหรัฐฯ”
ประมุขแห่งรัฐของแดนพญาอินทรีเผยว่าจีนได้ตกลงซื้อสินค้าสหรัฐฯจำนวน “มหาศาล” เพื่อลดความไม่สมดุลการค้า โดยเจ้าหน้าที่จะส่งรายการสินค้าที่สหรัฐฯต้องการขายให้กับทางจีน
รายงานงานข่าวยังเผยว่าสองผู้นำชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกได้พูดคุยกันประเด็นเกาหลีเหนือ ไต้หวัน โดยสีกล่าวสนับสนุนให้ทรัมป์พบปะกับคิมจองอึนแห่งแดนโสมแดงเพื่อเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างกันไว้
จากรายงานข่าวของสำนักข่าวซินหวา ระบุสำหรับประเด็นไต้หวัน ทรัมป์บอกว่าเขารับฟังความวิตกกังวลของปักกิ่งเรื่องดินแดนเกาะที่มีการปกครองตัวเอง โดยทางวอชิงตันจะยึดถือนโยบาย “จีนเดียว”
ในการประชุมซัมมิตกับสหรัฐฯ สีได้เปิดการเจรจาของฝ่ายตนโดยอ้างถึง “การทูตปิงปอง” ที่เริ่มในการแข่งขันปิงปองปี 1971 ที่เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบุกเบิกทางให้จีนและสหรัฐฯปรับความสัมพันธ์แบบปกติต่อกันในที่สุด
“ทั้งจีนและสหรัฐฯต่างได้รับประโยชน์จากความร่วมมือกัน และสูญเสียประโยชน์จากการเผชิญหน้ากัน ความร่วมมือดีกว่าความแตกแยก และการหันมาเจรจากันย่อมดีกว่าการเผชิญหน้ากัน”