สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน อาจหั่นอัตราขยายเศรษฐกิจมังกรในปีนี้ ลง 1 เปอร์เซ็นต์ ผู้นำระดับบิ๊กจากหน่วยกำหนดนโนยายจีน กล่าว
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า วัง หยาง 1 ใน 7 บิ๊กแห่งคณะกรรมาธิการประจำกรมการเมืองหรือโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวต่อที่ประชุมนักธุรกิจไต้หวันที่มีบริษัทในแผ่นดินใหญ่เมื่อวันพฤหัสฯ(16 พ.ค.)
วัง เผยว่ารัฐบาลได้ประเมินผลกระทบจากข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐฯที่ยืดเยื้อมาเกือบ 1 ปี และระบุแนวโน้มแบบแย่ที่สุดคือ ผลจากสงครามการค้าครั้งนี้อาจหั่นตัวเลขจีดีพีลง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่นาย วัง ไม่ได้กล่าวว่าจีนมีแผนการรับมือกับผลกระทบจากสงครามการค้าอย่างไร
ก่อนหน้านี้จีนได้ตั้งเป้าการขยายตัวเศรษฐกิจประเทศตลอดทั้งปีนี้ ที่ 6 ถึง 6.5 เปอร์เซ็นต์
วัง นับเป็นเจ้าหน้าที่คนแรกจากหน่วยกำหนดนโยบายระดับสูงสุด ที่ออกมาพูดถึงผลกระทบสงครามการค้า
หนึ่งในผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่าแม้ผู้นำจีนได้พูดถึงการประเมินอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่เขาก็ไม่มีท่าทีวิตกกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาว
“วัง กล่าวว่าแม้สงครามการค้ามีผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจแผ่นดินใหญ่ แต่จะไม่กระทบถึงการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้าง” ผู้แทนที่เข้าประชุมซึ่งไม่เผยนามกล่าว
“เขากล่าวถึงการคาดการณ์อย่างเลวร้ายที่สุดคือ การขยายตัวจีดีพีแผ่นดินใหญ่ จะหดลง 1 เปอร์เซ็นต์” ผู้แทนคนเดิม ซึ่งบอกเพียงว่าเขาเป็นผู้แทนจาก Association of Taiwan Investment Enterprises on the Mainland ซึ่งมีฐานในเซี่ยงไฮ้
“วัง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนจะไม่ห้ามปรามกลุ่มธุรกิจไต้หวันที่คิดจะย้ายฐานปฏิบัติการออกจากแผ่นดินใหญ่ (เพื่อหลีกเลี่ยงการขูดรีดภาษีของสหรัฐฯ) แต่ย้ำว่าตลาดขนาดใหญ่จะเปิดโอกาสการพัฒนามากมายสำหรับพวกเรา”
วัง ซึ่งควบตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมาธิการปรึกษาการเมืองของพรรคฯ กล่าวอีกว่าสหรัฐฯดูเบาความเหนียวแน่นของประชาชนจีนหากคิดว่าสงครามการค้าจะ “สร้างความทุกข์ยาก” ให้แก่จีน
กลุ่มสื่อไต้หวัน ยูไนเต็ด เดลี่ นิวส์, เซนทรัล นิวส์ เอเจนซี่, และไชน่า ไทม์ส ได้รายงานการแสดงความคิดเห็นของวัง
ขณะที่กระแสวิเคราะห์ชี้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัว ความคลาดเคลื่อนใดๆระหว่างผลประกอบการที่ได้ตั้งเป้าไว้กับที่เป็นจริง จะกระทบกระเทือนต่อจีนอย่างสำคัญ โดยจะกระทบต่อรายได้บริษัท และการจ้างงาน อีกทั้งคุกคามเสถียรภาพสังคมในที่สุด
Julian Evans-Pritchard นักเศรษฐศาสตร์จีนระดับอาวุโสประจำ Capital Economics กล่าวว่าหากสหรัฐฯเดินหน้าบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากร 25 เปอร์เซ็นต์ กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ซึ่งเป็นรายการสินค้าที่ยังไม่โดนเรียกเก็บภาษีเพิ่มในขณะนี้) จะทำให้จีดีพีจีน ลดลง 0.7 เปอร์เซ็นต์ พอยท์ ยิ่งไปกว่านั้นมันจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อความเชื่อมั่นและการลงทุน
“แต่มันไม่ได้หมายถึงว่าอัตราเติบโตจะลดลงหนึ่งเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลอาจมีมาตรการออกมาต้านแรงฉุดนั้น” Evans-Pritchard กล่าว
เมื่อวันศุกร์(17 พ.ค.) คณะกรรมาธิการการปฏิรูปและการพัฒนา (เอ็นดีอาร์ซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจระดับสูงสุดของจีน แถลงว่าจะยังคงใช้มาตรการสนับสนุนการเติบโตในภาคเอกชนและกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก อีกทั้งกระตุ้นการบริโภคในภาคชนบท
“เราจะให้ความช่วยเหลือกลุ่มที่สำคัญๆได้แก่ กลุ่มนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังหางาน และจะพุ่งเป้าการแก้ไขปัญหาไปที่ภาวะว่างงานเชิงโครงสร้าง” โฆษก เมิ่ง เหว่ย กล่าว