เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์--สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 25 เปอร์เซ็นต์โดยมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ (10 พ.ค.) โดยสินค้าจีนที่ถูกรีดภาษีอัตราใหม่นี้ มีมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกโรงแถลงในทันควันว่า “จะใช้มาตรการโต้ตอบที่จำเป็น” พร้อมย้ำจุดยืนที่แข็งกร้าวในการต่อกรสงครามการค้ากับพญาอินทรี
“จีนเสียใจอย่างสุดซึ้งที่สหรัฐฯตัดสินใจขึ้นภาษีการค้าจาก 10 เปอร์เซนต์ เป็น 25 เปอร์เซนต์ สำหรับสินค้าส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯซึ่งมีมูลค่าถึง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ” ถ้อยแถลงจากกระทรวงพาณิชย์จีนไล่หลังไม่กี่นาทีที่อัตราภาษีการค้าใหม่ฯมีผลบังคับใช้ ทั้งนี้อัตราภาษีการค้าใหม่ฯนี้ มีผลบังคับใช้เมื่อเวลา 12.01 น.ตามเวลาฮ่องกงในวันศุกร์ (10 พ.ค.)
“เราไม่มีทางเลือกอื่น และจะใช้มาตรการโต้ตอบที่จำเป็น อย่างไรก็ตามเรายังหวังแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาและความร่วมมือ” กระทรวงพาณิชย์จีน ย้ำโดยไม่แจงรายละเอียดการโต้ตอบ
ความเคลื่อนไหวขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนนี้ จะส่งผลกระทบต่อทั้งกลุ่มผู้นำเข้าและผู้ส่งออกในสองประเทศ และศึกการค้าสหรัฐฯ-จีนจะยิ่งตึงเครียด หากการเจรจาระหว่างสองฝ่ายคว้าน้ำเหลวอีก
กลุ่มผู้นำเข้าในฝั่งสหรัฐฯกำลังวิตกที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการซื้อสินค้า ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตอเมริกาในจีนจะเผชิญปัญหาส่งสินค้าของพวกเขากลับไปยังตลาดในบ้านตัวเอง ส่วนทางด้านกลุ่มผู้ส่งออกจีนต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นอีก 15 เปอร์เซ็นต์
รองนายกรัฐมนตรีจีน นาย หลิว เหอ ได้เดินทางไปกรุงวอชิงตันตั้งแต่วันพฤหัสฯ(9 พ.ค.) เพื่อเจรจาข้อขัดแย้งการค้ากับสหรัฐฯครั้งที่ 11 แต่หลิวได้ออกจากห้องประชุมสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เมื่อเวลา 18.25 น. ซึ่งหมายความว่าการเจรจาสงบศึกการค้าครั้งนี้กินเวลาสั้นกว่าครั้งก่อนๆซึ่งมักเจรจากันแบบยืดยาวมาราธอน
เป็นที่คาดว่าหลิวจะเข้าร่วมงานเลี้ยงกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต ไลธีเซอร์ ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวแสดงความหวังในก่อนหน้านี้ว่าการเจรจาจะมีความคืบหน้า ทั้งสองฝ่ายจะกลับมาเจรจากันต่อในเช้าวันศุกร์
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์บอกว่าจีนได้เสนอเลื่อนการเจรจาออกไป
“เราได้ใช้อัตราภาษีใหม่แล้ว เราแถลงไปแล้ว พวกเขาก็มาประชุม เราจะย้อนกลับไปที่วันพฤหัสฯได้อย่างไร” ทรัมป์ ว่า และเผยประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้ส่ง “จดหมายที่หวานซึ้ง” มายังเขา
กลุ่มบริษัทในฮ่องกงที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯต่างแสดงความข้องใจต่อการเจรจาที่เหลวเป๋วนี้
“จากมุมมองเจ้าของโรงงาน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความไม่แน่นอน” Paul Walsh ซีอีโอของ Newtimes Development บริษัทจัดหาสินค้าเสื้อผ้าในฮ่องกง กล่าว “ในพื้นที่สีเทานี้ ทำให้วางแผนอะไรได้ยากมาก”
Walsh ชี้ว่าการขึ้นภาษีการค้า 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาด และเขาคาดว่าจะมีกระแสอพยพของกลุ่มผู้ผลิตออกจากจีน”
Farouk Merzougui หัวหน้าฝ่ายการเงินของ Native Union ผู้ผลิตอุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับ iPhone ในจีนเพื่อส่งออกไปยังตลาดตะวันตก กล่าวว่าผู้บริโภคในสหรัฐฯจะต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายจากราคาสินค้าที่แพงขึ้นเนื่องจากอัตราภาษีที่สูงขึ้น และเชื่อได้เลยว่าจะมีเหยื่อธุรกิจบาดเจ็บล้มตายเนื่องจากการขึ้นภาษีครั้งนี้
“กลุ่มบริษัททุกรายไม่ว่าในอุตสาหกรรมใด การแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากอัตราภาษี 25 เปอร์เซ็นต์นี้ เป็นเรื่องที่โหดมาก” บางรายอาจต้องปิดกิจการ บางรายต้องขึ้นราคา มันส่งผลกระทบโดยตรง เป็นปัญหาที่ท้าทายมากๆ” Merzougui กล่าว และว่าบริษัทของเขากำลังมองหาฐานการผลิตใหม่ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Amit Gupta ที่ปรึกษาอุตสาหกรรมให้แก่ Impactiva Quality Optimisation ในตงก่วน มณฑลกว่างตง บอกว่าเขาก็คาดการณ์เช่นกันว่าจะต้องมีการเผ่นหนีออกจากจีน แต่อาจเป็นการชั่วคราวหรือบางส่วน
“สถานการณ์ตอนนี้เหมือนลูกตุ้มที่แกว่งไปแกว่งมา อาจจะมี 30 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจเสื้อผ้าที่ออกจากจีน ไม่ใช่ 70 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณย้ายไปที่กัมพูชา คุณก็ยังต้องนำเข้าวัตถุดิบจากจีน ดังนั้นมันก็จะจบลงด้วยการจ่ายราคาเหมือนกันสำหรับการส่งมอบสินค้าล่าช้า และกระบวนการผลิตที่ต้องใช้เวลามากขึ้น” Gupta กล่าวใน Sourcing Summit ที่จัดในฮ่องกงสัปดาห์นี้