MGR Online/เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ - มาเลเซียรุกตลาดทุเรียนในจีน ชูพันธุ์ “มูซังคิง” หรือเมาซานหวัง คุยแพงและอร่อยที่สุด หวังดึงแชร์จากตลาดทุเรียนไทย พร้อมเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก นำเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะเข้ามาบริหาร รวมถึงการแปรรูปไปเป็นอาหารอย่างอื่น เช่น ช็อกโกแลต ขนมไหว้พระจันทร์
มูซังคิง (Musang King) หรือในชื่อภาษาจีนคือ เมาซานหวัง (猫山王) ซึ่งแปลได้ว่า ราชาแมวป่า ถือเป็นทุเรียนชั้นเลิศของประเทศมาเลเซีย โดยชาวมาเลเซียคุยว่ารสชาติดีที่สุดในโลก และราคาแพงกว่าทุเรียนชนิดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันทุเรียนที่ชาวจีนนำเข้าไปบริโภคในประเทศนั้น มีเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่เป็นทุเรียนจากมาเลเซีย ขณะที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้เองมาเลเซียจึงพยายามจะเพิ่มปริมาณการส่งออกทุเรียนไปยังจีน โดยตั้งเป้าหมายว่าจะส่งออกทุเรียนเป็นลูก และทุเรียนแช่แข็งไปยังประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่ความนิยมในการบริโภคทุเรียนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในช่วงการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ครั้งที่ 2 ที่ปักกิ่ง บริษัทผู้ส่งออกทุเรียนหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับเครือพีแอลเอส แพลนเทชันส์ เบอร์ฮัด (PLS Plantations Berhad) ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้ไปออกงานเทศกาลทุเรียน มาเลเซีย โดยนำผลิตภัณฑ์จากทุเรียน และเทคโนโลยีการปลูกผลไม้ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้” ไปจัดแสดงด้วย
สำหรับงานเทศกาลทุเรียนมาเลเซียดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันในโรงแรมหรูในกรุงปักกิ่ง ซึ่งนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เข้าเยี่ยมชมงานในวันเสาร์ที่ 27 เม.ย. โดยหลายบูทได้นำผลิตภัณฑ์จากทุเรียนอย่างเช่น ช็อกโกแลตทุเรียน ขนมไหว้พระจันทร์ทุเรียน ฯลฯ ไปจัดแสดง โดยหวังว่าการจัดงานดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวจีนหันมาสนใจทุเรียนจากมาเลเซียเพิ่มขึ้น
“ทุเรียนมาเลเซียนั้นราคาแพงกว่า (ทุเรียนไทย) แต่เนื่องจากเศรษฐกิจจีนนั้นดีมาก ชาวจีนก็มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเรื่องเสื้อผ้า รถยนต์ รวมถึงอาหารที่รับประทาน” นายวัน มันโฮ กรรมการของนิวลีฟ แพลนเทชัน เบอร์ฮัดกล่าว โดยปัจจุบันจีนไม่อนุญาตให้มีการนำเข้าทุเรียนทั้งลูกจากมาเลเซีย เพียงอนุญาตให้นำเข้าแบบแช่แข็งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อสิงหาคม 2561 ทางรัฐบาลจีนและมาเลเซียได้บรรลุข้อตกลงเพื่ออนุญาตให้สามารถนำเข้าทุเรียนทั้งลูก และแช่แข็งจากมาเลเซียมายังจีนได้แล้ว และในงานเทศกาลทุเรียนมาเลเซียล่าสุดที่กรุงปักกิ่งก็มีการเปิดเผยว่าทั้งสองประเทศได้ตกลงถึงขั้นตอนและวิธีการนำเข้า-ส่งออกกันเรียบร้อยแล้ว โดยการส่งออกทุเรียนของมาเลเซียไปยังจีนน่าจะสามารถทำได้ภายในปี 2562 นี้ และเชื่อว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากผู้บริโภคชาวจีน
“ตอนนี้คนจีนสามารถซื้อหาทุเรียนได้แต่ในเฉพาะเมืองใหญ่ๆ แต่ในอนาคตมาเลเซียกำลังขยายพื้นที่เพาะปลูกทุเรียน เราหวังว่าเราจะสามารถรองรับความต้องการบริโภคทุเรียนของชาวจีนได้” นายวันกล่าวเสริม
บริษัทของนายวันโฆษณาว่า ทุเรียนพันธุ์มูซังคิงของมาเลเซียนั้นเป็นเหมือนแอร์เมส (ยี่ห้อเครื่องหนังและสินค้าแฟชั่นราคาแพงของฝรั่งเศส) ในวงการทุเรียน โดยปัจจุบันใช้พื้นที่เพาะปลูกราว 50 เอเคอร์ (ราว 125 ไร่) แต่ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะเช่าพื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่มเติมเป็น 1,000 เอเคอร์ (ราว 2,500 ไร่) โดยบริษัท นิวลีฟ เผยว่ามีการใช้ระบบการเพาะปลูกอัจฉริยะเพื่อติดตามสภาพ และการเจริญเติบโตของต้นทุเรียน
“ตลาดจีนเปิดรับทุเรียนมาเลเซีย ดังนั้น การทำการเกษตรของมาเลเซียจึงเริ่มเปลี่ยนไปเป็นแบบการเพาะปลูกเชิงพาณิชย์ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องใช้การบริหารจัดการด้วยระบบการเพาะปลูกอัจฉริยะ” นายวันเปิดเผย
ทั้งนี้ อุปสงค์ของทุเรียนจากจีนยังเป็นตัวผลักดันให้ราคาของทุเรียนมาเลเซียเพิ่มขึ้น โดยในปี 2555 ชาวสวนทุเรียนมาเลเซียสามารถขายทุเรียนได้ราว 9 ริงกิตต่อกิโลกรัม (ราว 70 บาท) แต่ปัจจุบันราคาทุเรียนมาเลเซียเพิ่มสูงขึ้นเป็น 30 ริงกิตต่อกิโลกรัม (ราว 230 บาท)
นายเอริก ชาน ผู้บริหารบริษัท ดูไล ฟรุต ของมาเลเซียบอกว่า เมื่อปี 2554 บริษัทของเขาส่งทุเรียนไปจีนแค่ปีละ 1 คอนเทนเนอร์เท่านั้น แต่ปัจจุบันความต้องการบริโภคทุเรียนของชาวจีนสูงขึ้นมาก โดยทุกเดือนเขาส่งทุเรียนไปจีนราว 5-6 คอนเทนเนอร์ และคาดว่า ยอดขายจะเพิ่มขึ้นถึงราว 3 เท่าในช่วงสองปีข้างหน้า
“ประเทศไทยส่งออกทุเรียนไปจีนมาได้ราว 20 ปีแล้ว ดังนั้น ทุเรียนไทยจึงสามารถเจาะตลาดได้ลึกกว่า นอกจากนี้ไทยยังมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนมากกว่ามาเลเซียด้วย” นายชานเสริม และว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมามาเลเซียไปให้ความสำคัญกับธุรกิจน้ำมันปาล์ม โดยเพิ่งมาสนใจส่งออกทุเรียนเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้เอง นอกจานี้ที่ผ่านมามาเลเซียก็เพียงส่งออกทุเรียนไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์เท่านั้น
ในปี 2560 ยอดการนำเข้าทุเรียนของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เป็น 350,000 ตัน โดยร้อยละ 40 ของทุเรียนที่จีนนำเข้ามาจากประเทศไทย ผู้ผลิตทุเรียนอันดับหนึ่งของโลก โดยไทยเริ่มส่งออกทุเรียนไปจีนตั้งแต่ปี 2546
ด้านนายชาร์ลส์ เฉิน ผู้บริหารของ Krillo Kakaw ผู้ผลิตช็อกโกแลตที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์เปิดเผยว่า ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตทุเรียนของบริษัทราว 7-8 รสชาติที่ขายดีอย่างมาก แม้จะถูกวางขายในราคา 49 ริงกิต (ราว 380 บาท) โดยบริษัทวางแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจะส่งออกไปยังประเทศจีน โดยเป็นทุเรียนทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง (ฟรีซดราย) โดยคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ในปีแรกราว 40-50 ล้านริงกิต (ราว 310-390 ล้านบาท)