โชคดีมีสุข เย็นฉ่ำสงกรานต์ แบบชาวไตในสิบสองปันนา

โกลบอลไทม์ส รายงาน (11 เม.ย.) เทศกาลสาดน้ำ หรือที่คนไทยเรียกว่าสงกรานต์ เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชนกลุ่มน้อยไต ในมณฑลยูนนานของจีน เปรียบเทศกาลแห่งการให้พรความรัก ความสุขเฉลิมฉลองปีใหม่ชาวไต เป็นทั้งวันแห่งความรักแบบครอบครัว ไปจนถึงคนหนุ่มสาว หรือคล้ายๆ วันวาเลนไทน์ของชาวไต 

เทศกาล “พัวสุ่ยเจี๋ย” (泼水节) หรือเทศกาลสงกรานต์ แบบชาวไตนี้จัดขึ้นในวันที่สามของปีใหม่ในปฏิทินจันทรคติ (วันที่ 13-15 เมษายน ) เพราะถือว่าเป็นวันที่ดีที่สุดของปี เทศกาลนี้เป็นงานของคนทุกวัยและเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว

โชคดีและมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป
การอวยพรให้โชคดีมีสุข ด้วยน้ำ หรือเทศกาลสงกรานต์นี้ เริ่มต้นขึ้นในตอนเช้าเมื่อชาวไต ต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม และนำน้ำสะอาดจากบ้านไปยังวัดใกล้เคียงเพื่อทำความสะอาดพระพุทธรูปที่วัด หรือที่เรียกว่าสรงน้ำพระ

จากนั้นต่างคนต่างเริ่มเล่นสาดน้ำกัน ใครยิ่งเปียกจะยิ่งได้รับโชคดี และมีความสุขมากขึ้นตามในปีใหม่นี้ ยิ่งถ้าเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้ายิ่งเหมือนได้รับโชคทั้งตัว การรดน้ำดำหัวให้กันและกันนี้ ยังเชื่อว่าน้ำจะชะล้างสิ่งไม่ดีออกไปจากตัว

วันสงกรานต์นี้ จะมีเสียงฆ้องและกลองตีสนุกสนาน มีกิจกรรมแข่งเรือมังกร ระบำนกยูง ยูนนาน ศิลปะการแสดงประจำชาติ ของชาวสิบสองปันนา และปล่อยโคมลอยขงเบ้ง อธิษฐานขอให้สุขสมหวัง รวมถึงการละเล่นอื่นๆ

เทศกาลสงกรานต์ ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับคนหนุ่มสาวโสดชาวไต ที่จะมีโอกาสมองหาคู่ ด้วยการเล่นขว้างถุงผ้าเล็ก ๆ หากชายหนุ่มโสดได้รับถุงผ้านั้น ซึ่งฝ่ายหญิงเป็นผู้เย็บทำเอง นั่นหมายความว่าดวงชะตาต้องกัน

สันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง
ต้นกำเนิดของเทศกาลนี้เกิดขึ้นจากคติชนที่เล่าถึงปีศาจร้าย ซึ่งได้ครอบงำอาณาจักรสิบสองปันนา และบังคับให้หญิงสาวเจ็ดคนต้องเสียสละเป็นภรรยาของเขาเพื่อความผาสุขในหมู่บ้าน

แต่หญิงสาวทั้งเจ็ด ไม่ยอมจำนนกับชะตากรรม ร่วมมือกันฆ่าปีศาจตนนี้ อย่างไรก็ตาม หัวของปีศาจนี้ได้ปะทุกลายเป็นเปลวไฟอันชั่วร้าย ทำลายพืชผล เผาหมู่บ้าน หญิงสาวทั้ง 7 จึงใช้น้ำสาดลงบนหัวเปลวไฟของปีศาจจนมอดดับลงในวันปีใหม่ หมู่บ้านชาวไตคืนสู่ความสุขสงบอีกครั้ง มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองนับแต่นั้นมา และการสาดน้ำกลายเป็นประเพณีสำหรับทุกครอบครัวไต ในวันที่สำคัญที่สุดของปีนี้