โดย ร่มฉัตร จันทรานุกุล
วันนี้จะมาเล่าเรื่องวัฒนธรรมการดื่มของคนจีน การดื่มที่ว่าไม่ใช่การดื่มชาไข่มุกหรือการดื่มน้ำ แต่คือการดื่มเหล้า! ผู้เขียนเชื่อว่าท่านที่เคยเดินทางมาจีนเพื่อการทำงาน ปกติจะมีการเลี้ยงรับรองจากทางจีน หลายครั้งจะเปิดเหล้าขาวเพื่อรับรอง หากกล่าวถึงวัฒนธรรมการดื่มเหล้าของคนจีนมีมากว่า 3000 ปี ในช่วงเริ่มต้นจีนมีการดื่มเหล้าเหลืองกัน (เหล้าหมักจากข้าว) และต่อมาในช่วงราชวงศ์ซ้ง 1000 กว่าปีที่แล้ว จีนได้ค้นพบวิธีการทำเหล้าขาว คือเหล้าใสที่เกิดจากกรรมวิธีการนึ่งและกลั่น ทำให้ต่อมาเหล้าขาวกลายเป็นเหล้าที่แพร่หลายในจีนและประชาชนทั่วไปนิยมดื่มเหล้าขาวกัน
เหล้าขาวที่ดีกรีต่ำสุด 38 ดีกรีสูงสุด 70 กว่าดีกรี เหล้าขาวที่ขายในตลาดส่วนใหญ่และคนนิยมดื่มกันคือเหล้าขาว 56 ดีกรี เหล้าขาวจีนที่คนทั้งโลกรู้จักคือ เหมาไถ จริง ๆ แล้วเหมาไถเป็นชื่อของยี่ห้อเหล้าขาวจีน ที่ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติ และกล่าวกันว่าดีต่อสุขภาพ แน่นอนว่า เหล้าขาวยี่ห้อเหมาไถนี้มีราคาที่แพงลิ่ว ยิ่งเก่ายิ่งแพง เหล้าที่ผลิตใหม่ขายในห้างก็เสนอราคาที่ขวดละประมาณ 3,000 หยวนขึ้นไป หรือประมาณ 15,000 บาท แต่ผู้เขียนอยากจะบอกว่าเหล้าขาวเหมาไถนี้ปลอมกันเยอะมาก บางทีซื้อกันในห้างก็ไม่ประกันได้ 100% ว่าเป็นของแท้ เพราะกำลังการผลิตของเหล้าเหมาไถ ณ ปัจจุบันยังไงก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด คนจีนกล่าวกันว่าเหล้าเหมาไถจากโรงงานดั้งเดิมของแท้ ประชาชนไม่มีทางที่จะได้ดื่มกันหรอก เพราะเหล้าพวกนี้จะถูกส่งตรงเข้าไปที่รัฐบาลเพื่อเลี้ยงรับรองแขกของประเทศ
ทั้งนี้เหล้าขาวที่ประชาชนจีนดื่มกันมีมากมายหลายยี่ห้อ ในชีวิตประจำวันน้อยนักที่จะดื่มเหมาไถกัน นอกจากว่ามีการเลี้ยงรับรองแขกผู้หลักผู้ใหญ่หรือเนื่องในโอกาสสำคัญ ทีนี้มาถึงวัฒนธรรมการดื่มเหล้าบนโต๊ะอาหารของคนจีนมีความพิถีพิถันขนาดไหน ผู้เขียนจะขอเล่าสู่กันฟังจากประสบการณ์ที่พบเจอมา ก่อนอื่นคือ สถานะแขกหรือเจ้าภาพมีความพิธีรีตรองที่ต่างกัน ในกรณีหากคุณมาจีนเป็นแขกถูกเลี้ยงรับรอง ก่อนอื่นเมื่อมาถึงโต๊ะอาหารในการนั่งเจ้าภาพเขาได้จัดเก้าอี้ไว้แล้ว ก็นั่งตามที่เขาแจ้งเพราะตำแหน่งการนั่งระหว่างหัวหน้าฝั่งเจ้าภาพกับแขกมีการวางเอาไว้แล้ว
มาถึงขั้นการรับประทานอาหาร จะขึ้นอาหารจานเย็นก่อน และตามด้วยอาหารจานร้อน ปกติจะรอให้อาหารมาถึงประมาณ 4-6 อย่างถึงเริ่มทาน ไม่ใช่ว่าอาหารเพิ่งมาอย่างเดียวคุณก็จับตะเกียบคีบก่อนเลย อันนี้ถือว่าเสียมารยาท
อีกอย่างต้องให้ผู้ใหญ่เริ่มคีบทานก่อน ปกติหากว่าคุณเป็นแขก เขาจะให้คุณคีบเริ่มทานก่อนเหมือนเป็นการเปิด เมื่อมีการเปิดเริ่มทานแล้ว ทุก ๆ คนก็จะทานได้
มาที่การดื่มเหล้าซึ่งทั่วไปจะเลี้ยงต้อนรับด้วยเหล้าขาว หรือไวน์แล้วแต่โอกาส ในงานเลี้ยงต้อนรับนี้เจ้าภาพจะยกแก้วทั้งหมด 3 ครั้ง พูดกับทุกคนบนโต๊ะอาหาร โดยจะยกแก้วแรกก่อน เมื่อตอนเริ่มต้นทานอาหารออเดริฟจานเย็น การยกแก้ว 3 ครั้งนี้ต้องดื่มหมดแก้วทุกครั้งและทุกคนบนโต๊ะ การยกครั้งแรกปกติจะเป็นการกล่าวยินดีต้อนรับ ครั้งที่สอง ที่สามจะเป็นการอวยพรหรือขอให้การร่วมมือทำงานต่าง ๆราบรื่น เป็นต้น
สามครั้งแรกของการดื่มที่เจ้าภาพกล่าวนี้ หากดื่มหมดแก้วทุกครั้งแสดงว่าเรามีความจริงใจและเคารพเจ้าภาพ หากดื่มไม่หมด จิบนิด ๆ หน่อย ๆ เจ้าภาพเขาอาจจะไม่ว่าอะไร แต่ในใจอาจจะมีความตะขิดตะขวง อันนี้ในกรณีที่เจ้าภาพค่อนข้างเคร่งและมีพิธีรีตรอง โดยปกติแขกต่างชาติจะได้รับการอลุ่มอล่วย แต่หากว่าเป็นคนจีนด้วยกันแล้วดื่มแบบจิบทีละนิดทีละหน่อยคงได้ดื่มกันแค่ครั้งเดียว เพราะแสดงถึงความไม่จริงใจและขาดความเคารพ กล่าวภาษาชาวบ้านว่า “ใจไม่ถึงใจ” หลังจาก 3 แก้วเปิดงานผ่านไปจะเป็นการดื่มระหว่างแขกและคนอื่น ๆ โดยปกติคนที่เป็นแขกจะขอชนกับเจ้าภาพตอนหลังนี้ได้ เป็นการแสดงความเคารพและเห็นความสำคัญ โดยเฉพาะเวลาชนแก้วต้องวางแก้วชนให้ต่ำกว่าแก้วของเจ้าภาพ หรือหากคุณเป็นผู้น้อยขอชนแก้วต้องเลือกชนกับผู้อาวุโสสูงสุดก่อน แล้วค่อยชนต่อกับผู้อื่นลดระดับตามอาวุโสลงมา แล้วการดื่มเหล้าของคนจีนจะเป็นของใครของมันอย่างเช่น หากดื่มเบียร ก็แจกคนละขวดไปเลย ไม่มีการเปิดหนึ่งขวดแล้วแบ่งกันทั้งโต๊ะ ในกรณีเหล้าขาวจะมีเหยือกเล็กแบ่งเหล้าของแต่ละคนคือแต่ละคนก็รับผิดชอบเหยือกเล็กของตัวเองไป หากเป็นไวน์ก็จะดื่มเป็นแก้ว ๆ มีคนรับผิดชอบเติมอยู่ตลอด
การชนแก้วกับคนจีนนั้นจะเป็นลักษณะชนเป็นรายบุคคลรอบโต๊ะ ไม่ใช่การชนครั้งเดียวแล้วดื่มพร้อมกันทั้งโต๊ะ อีกอย่างยังมีการแบ่งพรรคพวกอย่างเช่น คุณอยู่ในกลุ่มที่เป็นแขก คนของฝั่งเจ้าภาพจะมาชนดื่มกับคุณบ่อย ๆ กลุ่มที่เป็นแขกนี้ก็ต้องชนกลับกับกลุ่มเจ้าภาพเหมือนกัน จริง ๆ วัฒนธรรมการดื่มเหล้าของคนจีนในปัจจุบันกลายเป็นพฤติกรรมไม่น่านิยมไป เพราะการชักชวนให้ดื่มจนกลายเป็นเรื่องจริงจังเคร่งเครียด คนที่ไม่ดื่มกลายเป็นถูกกดดันจากคนรอบข้าง และหลายครั้งปริมาณการดื่มก็เยอะแบบลักษณะไม่เมาหัวราน้ำไม่แยกย้าย โดยเฉพาะการชักชวนการดื่มของคนจีนหากใครที่เคยประสบอาจจะขยาดและหวาดกลัวไปเลย หากเราดื่มไม่ได้จริง ๆ ให้ขอปฎิเสธแต่แรก และขอใช้น้ำชนิดอื่นมาชนแก้วแทนเหล้าก็ได้เช่นกัน อาจจะให้เหตุผลว่าแพ้แอลกอฮอล์หรือกำลังทานยารักษาร่างกายอยู่ไม่สามารถดื่มได้ ก็เป็นเหตุผลที่สามารถทำให้เราหลีกเลี่ยงการดื่มได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ควรระวังคือ หากว่าครั้งแรกเราดื่มและดื่มได้เยอะ ครั้งต่อ ๆ ไปคงเลี่ยงได้ยากหากว่าจะไม่ดื่ม
เพื่อนคนจีนท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า จริง ๆ แล้วคนจีนคุยงานกันบนโต๊ะกินข้าวเยอะกว่าในที่ทำงานซะอีก โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจหรือพนักงานขายสินค้าที่ต้องรับประทานอาหารกับลูกค้า เลี้ยงรับรองบ่อย ๆ พวกนี้จะกินและดื่มเยอะมากเป็นพิเศษ
ในหลายโอกาสการประสบความสำเร็จในการร่วมมือกันทางธุรกิจหรือการได้รับออเดอร์สินค้าจากลูกค้า หลายครั้งหลายครามาจากการดื่มเหล้ากันอย่างถึงพริกถึงจริง ใจถึงใจกันไปเลย ดังนั้นจะเห็นว่า “การดื่ม” ของคนจีนก็คือการสานสัมพันธ์กันทางสังคม อย่างที่ทุกท่านทราบได้คนจีนให้ความสำคัญกับคุณธรรมน้ำมิตรมาก ดังนั้นการดื่มอย่างหัวราน้ำนี้ก็คือการสานสัมพันธ์ระหว่างกันที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายเปิดใจ ถึงไหนถึงกัน!
วัฒนธรรมการดื่มในลักษณะนี้ของคนจีนเริ่มมาตั้งแต่ช่วงเปิดประเทศ 40 ปีที่ผ่านมาการดื่มของคนจีนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับของสภาพเศรษฐกิจในกระเป๋าของประชาชน ตอนนี้ก็มีปัญหาเกิดขึ้นเช่นกันโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพที่ตามมา อีกทั้งการดื่มเหล้าเกินขนาดจนตายหรือต้องเข้าโรงพยาบาลก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ ในข่าวจีนเช่นกัน จากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการดื่มที่เยอะเกิน ตอนนี้รัฐบาลมีการรณรงค์ให้ลดการดื่มและหันมาอยู่กับครอบครัว ดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นวัฒนธรรมการชักชวนให้ดื่มเหล้าก็ยังแพร่หลายอยู่
ในแง่ของเศรษฐกิจ เหล้าขาวจีนสามารถกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจได้เช่นกัน ในแต่ละปีธุรกิจเหล้าในจีนจ่ายภาษีให้แก่รัฐบาลมากกว่า 12,000 ล้านหยวนและการเติบโตของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้สามารถกระตุ้นความต้องการของธัญญาพืชซึ่งเป็นส่วนประกอบของการผลิต สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้และโรงงานผลิตเหล้าเป็นโรงงานประเภทใช้แรงงานคน ดังนั้นก็ก่อให้เกิดการสร้างงานอีกด้วย ทั้งนี้ในสายการผลิตตั้งแต่ต้นถึงปลายน้ำก็ยังเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อีก
ท้ายนี้ การวัฒนธรรมการดื่มเพื่อการเข้าสังคม บางทีจึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องระวังปริมาณและรู้ตัวเองตลอดเวลา