โดย ร่มฉัตร จันทรนุกุล
ล่วงเลยปีใหม่สากล 2019 มาแล้ว ตามปฎิทินจันทรคติจีนช่วงประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชนชาติจีน วันตรุษจีนถือเป็นเทศกาลใหญ่ของที่นี่ คนทั้งหลายที่ทำงานต่างเมืองจะต้องกลับบ้านเพื่อรวมตัวกับพ่อ แม่ ญาติ พี่น้องกินข้าวร่วมกันข้ามปีหรือในภาษาจีน เรียกว่า“年夜饭” (อ่านว่า เหนียน เย่ ฟ่าน) คนจีนเห็นว่าการกลับบ้านรวมตัวกันกับญาติพี่น้องเป็นเรื่องสำคัญ คนรุ่นใหม่มีคำกล่าวที่ว่า “有钱没钱,回家过年”(อ่านว่า โหย่ว เฉียน เหม่ย เฉียน หุย จยา กั้ว เหนียน) แปลเป็นไทยอย่างสละสลวยว่า “จะยากดีมีจน กลับบ้านกันในวันปีใหม่” ทำให้หลายพื้นที่ในประเทศจีนช่วงวันตรุษจีน เต็มไปด้วยความคึกครื้น บางคนเลือกที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่ต่างประเทศกับครอบครัว
การกลับบ้านของคลื่นมหาชนมหาศาลทั่วประเทศจีนอย่างพร้อมเพรียงกันนี้ ผู้อ่านที่ไม่เคยมาสัมผัสกับการเดินทางช่วงเทศกาลหยุดยาวที่นี่อาจจะไม่ทราบว่าฝูงมหาชนจีนมากมายขนาดไหน ตามสถานีรถไฟเวลาปกติก็ว่าคนเยอะแล้ว ช่วงเทศกาลคนจะเยอะกว่าเป็นหลายเท่า ก่อนช่วงตรุษจีนงานหนักของหน่วยงานรัฐ เช่น หน่วยงานการรถไฟ หน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัย หน่วยงานเหล่านี้ถือว่าช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดประจำปีเลยก็ว่าได้ คนในหน่วยงานเหล่านี้ต้องทำงานหนัก ไม่มีวันหยุดเหมือนหน่วยงานอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับมหาชนที่จะเดินทางกันทั่วประเทศในช่วงตรุษจีน
จีนมีคำเรียกเฉพาะสำหรับการเดินทางของมหาชนในช่วงตรุษจีนนี้ว่า “春运” อ่านว่า ชุน อวิ้น การเดินทางของมหาชนช่วงตรุษจีนนี้จะเริ่มขึ้นก่อนวันตรุษจีนประมาณ 1 สัปดาห์ ในแต่ละปีสถานีโทรทัศน์แห่งชาติจะรายงานความพร้อมของหน่วยงานรถไฟในการเตรียมตัวรับมือการเดินทางของมหาชนกลับบ้านช่วงเทศกาลนี้ อย่างในปี 2019 นี้ชุนอวิ้นเริ่มในวันที่ 21 มกราคม รัฐบาลจีนคาดการณ์ว่าในปีนี้มหาชนเดินทางในช่วงตรุษจีนจะทำลายสถิติอีกครั้ง โดยจะมีประชาชนเดินทางประมาณ 3 พันล้านคน/เที่ยว ในจำนวนนี้เป็นการเดินทางในประเทศโดยทางรถไฟ ประมาณ 413 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.3%
ตั้งแต่ปี 1954 เป็นต้นมาหน่วยงานรถไฟจีนเริ่มให้คำนิยาม “ชุนอวิ้น” และเริ่มเก็บสถิติการเดินทางของคนในประเทศช่วงตรุษจีนนี้ ในปี 1954 จำนวนคนเดินทางห่างไกลจากปัจจุบันมาก ในขณะนั้นการเดินทางเฉลี่ยรายวันประมาณ 7.3 แสนคน ในช่วงเวลาพีคมีจำนวน 9 แสนคน หลังปี 1978 ที่จีนปฎิรูปเปิดประเทศการเดินทางระหว่างมณฑลของประชาชน พบปะเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง สะดวกสบายยิ่งขึ้น ทำให้ในปี 1979 หลังจากปฎิรูปประเทศหนึ่งปี การเดินทางของประชาชนจีนช่วงตรุษจีนเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านคนทันที
ช่วงยุคทศวรรษ 1980-90 ประเทศจีนมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว คนจีนจำนวนมากย้ายถิ่นอาศัยจากภาคตะวันตกไปทำงานในเขตที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วคือบริเวณแถบภาคตะวันออก และแถบชายฝั่งทะเล ดังนั้นประชาชนจากเขตชนบทจำนวนมากเข้าไปแสวงหางานในเมืองที่มีการพัฒนาฯ เมื่อคนมีงานทำ มีเงินมากขึ้น การเดินทางโดยรถไฟระหว่างเมืองก็มากขึ้นเป็นเท่าตัว ขณะที่รถไฟจีนพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน จากสถิติการเดินทางชุนอวิ้นในแต่ละปีระบุว่า ในปี 1994 คนเดินทางในประเทศโดยรถไฟ เพิ่มขึ้นถึง 1 พันล้านคน/เที่ยว ในปี 2006 มีจำนวน 2 พันล้านคน/เที่ยว และปี 2012 เพิ่มเป็น 2.5 พันล้านคน/เที่ยว แค่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานี้การเดินทางของประชาชนในช่วงตรุษจีนเพิ่มขึ้น 30 เท่า!
ทีนี้เรามาดูความยิ่งใหญ่ของการรถไฟจีน ที่ต้องมีการรองรับและบริการประชาชนจำนวนเป็นพันล้านคน/เที่ยวในแต่ละวัน ระบบการจัดการจึงต้องมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง การเติบโตของการรถไฟจีนอย่างรวดเร็วนี้ ส่วนสำคัญที่จะปฎิเสธไม่ได้คือเพราะความต้องการเดินทางของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในประเทศ ดังนั้นการรถไฟต้องพัฒนาตามให้ทัน
40 ปีที่แล้วรถไฟที่คนจีนนั่งกันและคุ้นเคยกันดี เป็นรถไฟแบบดั้งเดิมที่วิ่งช้า ความเร็วเพียง 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถไฟแบบดั้งเดิมนี้คนจีนเรียกกันว่า “绿皮车” (อ่านว่า ลู่ ผี เชอ) แปลเป็นไทยตรงตัวอักษรว่า “รถหนังสีเขียว” และช่วงระหว่างปี 1997-2007 ช่วงเวลา 10 ปีนี้ รถไฟจีนเพิ่มมาตรฐานระดับความเร็วขึ้นถึง 6 ครั้ง การเดินทางของประชาชนสะดวกสบายยิ่งขึ้น ในช่วงเวลานี้เทคโนโลยีรถไฟจีนประสบความสำเร็จและมีการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง ทำให้การพัฒนาระบบรถไฟจีนเป็นไปอย่างก้าวกระโดด
ในเดือนมิถุนายนปี 2017 จีนพัฒนารถไฟฟ้าความเร็วสูงของตัวเอง “ฟู่ซิงเฮ่า” (复兴号) โดยมีสิทธิบัตรเบ็ดเสร็จ “ฟู่ซิงเฮ่า” ประเดิมวิ่งในเส้นทางปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ในอัตราความเร็ว 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง แสดงให้โลกเห็นว่า รถไฟฟ้าจีนไม่ธรรมดา และเทคโนโลยีล่าสุดที่จีนได้บรรลุคือ การพัฒนารถไฟฟ้าความเร็วสูง “ฟู่ซิงเฮ่าแบบไร้คนขับ
ในปัจจุบันเส้นทางรถไฟในจีนที่เปิดให้บริการประชาชนทั่วประเทศ มีความยาวประมาณ 130,000 กิโลเมตร ในจำนวนนี้เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูง 29,000 กิโลเมตร หากนับเฉพาะเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีนครองความยาว 2 ใน 3 ของทั่วโลก การรถไฟจีนพัฒนามาจนบัดนี้เป็นที่ประจักษ์กันทั่วโลก หากท่านที่เคยมาประเทศจีนและได้มีโอกาสนั่งรถไฟความเร็วสูงจะสัมผัสได้ถึงการพัฒนาที่เปลี่ยนไปของจีน
รถไฟจีนจากไม่มีกลายเป็นมี จากมีแล้วกลายเป็นมีที่ดีกว่า ภาพของประชาชนแย่งกันขึ้นรถไฟ ปีนป่ายหน้าต่างแบบในยุค 90 นั้นหมดสิ้นไปแล้ว การจัดระบบการซื้อขายตั๋ว การขึ้นรถไฟ ถูกจัดระเบียบอย่างเป็นขั้นเป็นตอน การพัฒนาขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับทั่วโลกของรถไฟจีนนี้ ก็เป็นหนึ่งของความสำเร็จในการปฎิรูป ที่ไม่ใช่แค่ เปิดประเทศ ปฎิรูปเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังปฎิรูปโครงสร้างพื้นฐานไปพร้อมกันอีกด้วย