กลุ่มสื่อจีนรายงาน “หมอปลอม” ถูกตัดสินจำคุกกว่า 6 ปี ฐานข่มขืนคนไข้หญิง หลังจากที่ฉีดยานอนหลับในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
สื่อจีนรายงาน หลัว ผิง ได้ใช้บัตรประจำตัว และใบอนุญาตรักษาโรคปลอม เข้าทำงานเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลในเขตซวงหลิว เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน นายแพทย์ปลอม ได้แฝงตัวทำงานอยู่ในในโรงพยาบาลตั้งแต่ปี 2016 และยังมีคลินิกรักษาคนไข้ของตัวเอง จนกระทั่งถูกจับกุมตัวเมื่อปีที่แล้ว
สื่อจีนอ้างแหล่งข่าวจากการดำเนินคดีในศาล เผยเมื่อวันจันทร์(28 ม.ค.) ว่าในวันที่ 10 พ.ค. คนไข้หญิงคนหนึ่งมารักษากลิ่นตัวแรง เมื่อเธอถูกนำตัวไปยังห้องรักษาคนไข้ หมอปลอมได้ฉีดยานอนหลับให้คนไข้ จากนั้นได้ข่มขืนเธอ
เมื่อคนไข้ตื่นขึ้นมา เธอรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น จึงพยายามโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่นายหลัวได้ฉกคว้าโทรศัพท์ของเธอ และพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนไข้หญิงปฏิเสธและวิ่งหนีออกจากห้อง ร้องขอความช่วยเหลือ ส่วนนายหลัวได้หลบหนีไป ทิ้งโทรศัพท์และชุดเครื่องแบบแพทย์ในถังขยะ
สองวันต่อมา นายหลัว ถูกจับกุมตัวในอำเภออี๋หล่ง เมืองหนันชง
ศาลประชาชนประจำเขตซวงหลิว เมืองหลัวผิง ดำเนินการพิจารณาคดี และตัดสินนายหลัวมีความผิดฐานข่มขืน ลักขโมย และใช้เอกสารประจำตัวปลอม สั่งลงโทษจำคุก 6 ปี 4 เดือน และปรับ 4,000 หยวน หรือ หรือกว่า 19,000 บาท
เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้จุดงกระแสความโกรธแค้นในโซเชียล มีเดียจีน “เวยปั๋ว” โดยหลายคนบอกว่าโทษที่นาย หลิว ได้รับนั้น เบาเกินไป
ชาวเน็ตบางคน เขียนว่า “เจ้าหมอปลอมคนนี้ เลวยิ่งกว่าสัตว์ ควรได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต”
บางคนตั้งคำถามว่า ทำไมโรงพยาบาลไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
ทั้งนี้ในจีนเคยเกิดกรณีหมอข่มขืนคนไข้หลายกรณี เช่น ในปี 2015 หมอ แซ่ฮ่าว ในเมืองชิงเต่า มณฑลซันตง ข่มขืนคนไข้หญิงที่มารักษาอาการมีบุตรยาก อีกกรณีเกิดในปีเดียวกัน ในปังปู้ มณฑลอันฮุย หมอ แซ่หลิว ถูกตัดสินจำคุก 11 ปี จากความผิดข่มขืนคนไข้หญิง วัย 21 ปี ที่มารักษาอาการนอนไม่หลับ 4 ครั้ง ในช่วง 7 วัน จนกระทั่งเหยื่อตั้งครรภ์
ทนายความ โจม ฮ่าว ประจำสำนักงานกฎหมาย W&H Law Firm ในกรุงปักกิ่ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวจีน เดอะ เปเปอร์ ดอท คอม (Thepaper.cn) ว่ายังมีกรณีมากมายที่ตำรวจไม่สามรถยื่นมือเข้าไปช่วย เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะจับกุมหมอหลังถูกกล่าวหาข่มขืนผู้หญิง
“กรณีคนไข้ถูกหมอข่มขืนขณะรักษาในที่รโหฐาน เป็นกรณีที่ยากในการไต่สวนความผิด นอกจากพยานหรือเหยื่อจะไปแจ้งความกับตำรวจทันเวลา เพื่อสามารถพิสูจน์ตรวจสอบทางกายภาพ”