กลุ่มสื่อจีนรายงาน (8 ธ.ค.) กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน (Ministry of Industry and Information Technology) ออกใบอนุญาตสัญญาณโทรศัพท์ 5G ให้ผู้ประกอบการเครือข่ายสัญญาณยักษ์ใหญ่ 3 ราย
รายงานระบุว่า บริษัทไชน่า เทเลคอม (China Telecom) และบริษัทไชน่ายูนิคอม (China Unicom) ได้รับการจัดสรรคลื่นสัญญาณ 3.5GHz ในขณะที่ บริษัทไชน่าโมบาย (China Mobile) ได้รับคลื่นสัญญาณ 2.6GHz และ 4.8GHz
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนระบุว่า การจัดสรรคลื่นความถี่ให้แก่บริษัททั้ง 3 ซึ่งเป็นวิสาหกิจของรัฐเป็นไปอย่างเป็นธรรม
การออกใบอนุญาตดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนกำหนดที่กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนเคยประกาศว่า รัฐบาลจีนจะออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการในปี 2562 ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่
การขยับตัวของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนในครั้งนี้ จะช่วยให้ประเทศจีนก้าวสู่ผู้นำมาตรฐาน 5G และปูทางสู่การนำเทคโนโลยี 5G มาใช้เชิงพาณิชย์เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งจีนวางแผนที่จะใช้งานเชิงพาณิชย์โดยเร็วที่สุด
เมื่อปีที่แล้ว บริษัทเครือข่ายมือถือจีนยักษ์ใหญ่สามราย ไชน่าโมบาย ไชน่ายูนิคอม และ ไชน่าเทเลคอม ได้เปิดแผนนำร่องทดสอบเครือข่าย 5G ในหลายเมืองของจีน เช่น กรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง กว่างโจว หนานจิง ซูโจว และ หนิงโป โดยการสร้างสถานีฐาน 5G และพัฒนาระบบรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเอง (autonomous driving) เมืองอัจฉริยะ (Smart city) และ บ้านอัจฉริยะผ่านเครือข่าย 5G
ทางด้านผู้ประกอบด้านโทรศัพท์มือถือจีนอย่าง “หัวเว่ย” ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับสองของโลก ก็ประกาศลุยพัฒนาเทคโนโลยี 5G โดยได้ประกาศแผนการลงทุน 5 พันล้านหยวน (786 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อพัฒนา 5G ในปีนี้ นอกจากนั้นยังจะมีการผลิตชิพคอมพิวเตอร์ 5G เครื่องแรกและโทรศัพท์มือถือรุ่น 5G ของบริษัท ในปี พ.ศ. 2562
ทั้งนี้ 5G หมายถึง 'รุ่นที่ห้า' และหมายถึงมาตรฐานใหม่ล่าสุดสำหรับเครือข่ายไร้สายเคลื่อนที่ บรรดาบริษัทโทรคมนาคมคาดการณ์ว่า 5G จะเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งจะนำความเร็วทางอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น สามารถรองรับยุคสมัย ‘the Internet of things’ ซึ่งเทคโนโลยี 5G นี้จะทำให้การเชื่อมต่อข้อมูลมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่การใช้พลังงานแบตเตอรี่ลดลง