“การปฏิรูปอย่างลงลึก ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเขตการค้าเสรี และนโยบายเปิดกว้างรับการลงทุนจากต่างประเทศของจีน จะสร้างคุณูปการใหญ่ในความร่วมมือระดับโลก” นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรีไทย กล่าวระหว่างเยือนจีนและเข้าชมมหกรรมแสดงสินค้าส่งออก (China International Import Expo) ในนครเซี่ยงไฮ้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รองนายกรัฐมนตรี สมคิดให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน ไชน่า เดลี่ กล่าวว่าประเทศไทยสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นในความร่วมมือเขตการค้าเสรี ที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ริเริ่มและผลักดันอยู่ในขณะนี้
“ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญปัจจัยที่ไม่แน่นอนหลายด้าน จีนยังคงเป็นหัวหอกแก้ไขปัญหาโดยผลักดันระบบการค้าเสรี และกลายเป็นเสาหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจโลก” นาย สมคิด กล่าวกับสื่อจีน
นาย สมคิด กล่าวต่อว่า ด้วยพื้นฐานที่ไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ที่ตั้งภูมิศาสตร์อยู่ระหว่างกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ไทยจะเป็นผู้ประสานงานหลักในการกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมืออนุภูมิภาคระหว่าง 5 ประเทศได้ดีกว่า
นอกจากนี้การเติบโตของความร่วมมือเศรษฐกิจลุ่มน้ำแยงซีเกียง การพัฒนาเขตเกรทเตอร์ เบย์ฮ่องกง-มณฑลกว่างตง-และมาเก๊า และเขตลุ่มแม่น้ำสามสาย (แม่น้ำจินซา แม่น้ำหลันชาง-แม่โขง และแม่น้ำนู่เจียง) จะเชื่อมโยงใกล้ชิดกันมากขึ้น พร้อมกับช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและจีนก้าวหน้าไปอีกขั้น
“กลุ่มบริษัทจีนหลายรายกำลังหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
ขณะนี้สมาชิกอาเซียนกำลังเรียกร้องให้เร่งการเจรจา “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค” (Regional Comprehensive Economic Partnership ชื่อย่อ RCEP) ซึ่งเป็นกรอบงานพัฒนาการค้าเสรีระหว่าง 10 ชาติสมาชิกอาเซียนและคู่หุ้นส่วน 6 ประเทศ
“หลังการประกาศผลการเจรจา RCEP ความริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) จะยิ่งพัฒนารุดหน้าในปีหน้า พร้อมกับช่วยขยายเขตการค้าเสรีของ RCEP ความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศโดยรอบก็จะยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น”
RCEP และ BRI ซึ่งจะเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ส่วนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ก็ครอบคลุมอยู่ใน BRI ประเทศไทยจะช่วยสร้างความร่วมมือที่ไร้รอยต่อ บูรณาการภูมิภาคและอนุภูมิภาคที่มีความแตกต่างกันภายใต้ RCEP และ BRI ” สมคิด กล่าว