xs
xsm
sm
md
lg

กิมย้ง มังกรคืนฟ้า "สมบัติทิ้งไปได้ แต่คุณธรรมไม่อาจละทิ้งได้"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

จาเหลียงยง (กิมย้ง) ในวัย 84 ปี เมื่อครั้งให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ส วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ที่บ้านพักบนเกาะฮ่องกง (ภาพโกลบอลไทม์ส)
เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รำลึกอาลัย (31 ต.ค.) จา เหลียงยง เจ้าของนามปากกา “กิมย้ง” ผู้ประพันธ์นิยายกำลังภายในระดับตำนาน เสียชีวิตแล้ว เมื่อเวลาบ่ายของวันที่ 30 ตุลาคม ในวัย 94 ปี ทิ้งมรดกอันทรงคุณค่า และปรัชญาจริยธรรมของวัฒนธรรมจีนผ่านตัวละครโลกนิยายวรรณกรรมกำลังภายในที่จะยังคงโลดแล่นเป็นอมตะตลอดไป

ดร. งอเว่ย-เฉิง บุตรเขยของกิมย้ง ได้กล่าวว่า จาเหลียงยง เสียชีวิตอย่างสงบท่ามกลางสมาชิกในครอบครัว เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 30 ตุลาคม เช่นเดียวกับหนังสือพิมพ์หมิงเป้า ซึ่งจาเหลียงยงเป็นผู้ก่อตั้ง ได้รายงานข่าวยืนยันการสิ้นลมของท่านที่โรงพยาบาล ฮ่องกงซานาโนเรียม

จาเหลียงยง เป็นทั้งนักข่าวที่วงการเคารพ, เป็นผู้นำชุมชน และเหนืออื่นใด เป็นผู้ประพันธ์นิยายกำลังภายในที่บอกเล่าเรื่องราวจรรโลงคุณธรรม ตามขนบจีนโบราณที่ยังคงร่วมสมัยตลอดกาล ชื่อและผลงานในนามปากกากิมย้ง กลายเป็นนามที่กล่าวถึงทั่วไปทั้งในชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และชาวจีนโพ้นทะเล และได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนนวนิยายจีนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในศตวรรษที่ 20

เรื่องราวและตัวละครต่าง ๆ ในนิยายของกิมย้ง ก้าวข้ามพรมแดนทางการเมือง อุดมการณ์ และเส้นแบ่งเขตความคิดต่างๆ ด้วยชั้นเชิงและศิลปะแห่งการเล่าเรื่องอันเป็นจินตนาการผสานกับประวัติศาสตร์ชนิดไร้รอยตะเข็บ เป็นผลงานที่ให้ทั้งความบันเทิง และปรัชญาอันลึกซึ้งของจีน จนเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้อ่านทั่วไป ได้รับการแปลเป็นฉบับภาษาเกาหลี อังกฤษ ฝรั่งเศส เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย มียอดจำหน่ายแล้วกว่า 300 ล้านเล่มจากทั่วโลก บางแหล่งว่าอาจถึง 1,000 ล้านเล่ม หากนับรวมฉบับละเมิดลิขสิทธิ์ (*ข้อมูลปี พ.ศ. 2549) โดยยังไม่นับรวมที่ดัดแปลงนำไปถ่ายทอดในภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ และเกมวิดีโอ

จาเหลียงยง(查 良 庸)หรือ “กิมย้ง” เสียงจีนกลางคือ จินยง (金庸) บ้านเกิดอยู่ที่ไห่หนิง มณฑลเจ้อเจียง ได้ย้ายมาตั้งรกรากที่ฮ่องกงปี พ.ศ.2491 เริ่มเขียนนิยายกำลังภายในตอนอายุ 31 ปี โดยใช้นามปากกาเดียวตลอดมาคือ “กิมย้ง” เรื่องแรกคือ จอมใจจอมยุทธ ตามด้วยเรื่อง... เพ็กฮวยเกี่ยม ไตรภาคชุดมังกรหยก จิ้งจอกภูเขาหิมะ กระบี่นางพญา หลั่งเลือดมังกร แปดเทพอสูรมังกรฟ้า และเรื่องสุดท้ายคือ อุ้ยเสี่ยวป้อ รวมนิยายกำลังภายในของกิมย้ง 15 เรื่อง

นางแครี แลม ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งได้รับทราบข่าวการสูญเสียปูชนียบุคคลชาวฮ่องกง ได้กล่าวขณะเยือนประเทศญี่ปุ่นว่า เป็นความเศร้าเสียใจอย่างที่สุดสำหรับพวกเรา จาเหลียงยง คือบัณฑิตผู้รู้ และเป็นศิลปินนักเขียนชั้นครู

"ท่านก่อตั้งหนังสือพิมพ์หมิงเป่า และในช่วงปีแรก ๆ ยังเขียนบทบรรณาธิการ แสดงข้อคิดเห็นอันสร้างสรรค์สำหรับสังคม ได้รับการยอมรับนับถือจากทุกวงการ"

"ในนามของรัฐบาลฮ่องกง ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดกับครอบครัวของท่าน"
แจ็ก หม่า ได้พบกับ จาเหลียงยง ที่หังโจว ในปี พ.ศ. 2543 และผูกพันเป็นมิตรสหายกันนับแต่นั้น (ภาพเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์)
แจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา และเป็นแฟนพันธุ์แท้นิยายของกิมย้งคนหนึ่ง ได้กล่าวในทันทีที่ทราบข่าวว่า "คือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนจีนทั่วโลก และเป็นข่าวเศร้าสำหรับพวกเราชาวอาลีบาบา เพราะวรรณกรรมของท่าน คือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรของเรา พวกเรามักจะนำชื่อตัวละครในนิยายของท่าน ตั้งเป็นฉายาให้กับพนักงานของเราเสมอ"

แจ็ก หม่า ได้พบกับ จาเหลียงยง ที่หังโจว ในปี พ.ศ. 2543 และผูกพันเป็นมิตรสหายกันนับแต่นั้น

จอห์น ซัง ชุนหวา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังฮ่องกง ซึ่งหลงใหลในผลงานของ จาเหลียงยง อีกคน ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัว โดยกล่าวว่า เป็นความสูญเสียทั้งสำหรับครอบครัวของท่าน และสำหรับศิลปะวัฒนธรรมของชาวจีน ชาวฮ่องกง และโลก ท่านคือนักเขียนมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา

ซัง กล่าวว่า ได้พบกับจาเหลียงยง เป็นการส่วนตัวหลายครั้ง และยังตัดเก็บนิยายของท่านในหนังสือพิมพ์ มาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2500

โอลิเวอร์ โจว นักวิจารณ์ศิลปะวัฒนธรรม "ท่านไม่เพียงจะเป็นที่จดจำระลึกถึงในความเป็นปราชญ์นิยายวิทยายุทธ แต่คุณูปการในด้านวัฒนธรรมยังเทียบได้กับผลงานของวิลเลียม เช็คสเปียร์

"ไม่มีนักเขียนชาวจีนคนอื่น ๆ ที่จะสร้างความสนใจ และบันดาลใจให้กับนักอ่านชาวจีนได้มากมายเท่ากับท่าน ซึ่งมีผลงานทั้งครอบคลุมและก้าวข้ามเส้นเขตความคิดลัทธิต่าง ๆ ทั้งในมิติด้านการเมือง หรือวัฒนธรรม ตลอดจนภาษา ที่แม้กระทั่งมีข่าวว่า ท่านผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิง ยังต้องส่งคนมารวบรวมผลงานของท่านเพื่อศึกษา ในช่วงที่ท่านขึ้นเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของจีน ในราว พ.ศ. 2520

และในปี พ.ศ. 2524 เมื่อทั้งสองได้พบกัน ผู้นำเติ้งเสี่ยวผิง ยังได้กล่าวทักทายให้เกียรติ จาเหลียงยง ก่อนว่า "เราเป็นมิตรเก่ากันมาก่อน ผมรู้จักท่านผ่านนิยายของท่านแล้ว"

โจว กล่าวเสริมว่า ในช่วงที่ก่อตั้งหนังสือพิมพ์หมิงเป่า จา กลายเป็นผู้นำความคิดเห็นที่มีชื่อเสียง ซึ่งใคร ๆ ก็รออ่านบทบรรณาธิการของท่าน โดยเฉพาะในหมู่นักอ่านชาวจีนและปัญญาชนจีนทั่วโลก

ตัวละครต่าง ๆ ในนิยายของจาเหลียงยง ยังมีคุณูปการสร้างนักแสดงให้กลายเป็นดาราชั้นแนวหน้าของจีนนับไม่ถ้วน รวมถึง เจิ้ง เส้าชิว นักแสดงชื่อดังชาวฮ่องกง ผู้รับบทของ เตียบ่อกี้ ใน ดาบมังกรหยก พ.ศ. 2521 ที่กล่าวแสดงความอาลัยว่า ใคร ๆ อาจจะเรียกงานของท่านว่าเป็นนิยายกำลังภายใน แต่งานของท่านเป็นยิ่งกว่านั้น คุุณสามารถซึมซับความลึกซึ้งซับซ้อนในหลักคิดปรัชญาจีนอย่างไม่รู้ตัว

เป็นที่ทราบในหมู่ผู้ศึกษางานเขียนของจาเหลียงยง ว่า งานทั้งหมดของเขาเป็นผลงานที่บรรลุถึงแนวคิดขงจื่อ ศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า ปรัชญาจริยธรรมหลักในวัฒนธรรมของจีน

จาเหลียงยง กล่าวยอมรับในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า "ผู้อ่านต่างวัฒนธรรม อาจจำเป็นต้องเข้าใจในหลักคิดของจีนด้วย เพราะฉากแอ็คชั่น และวิทยายุทธการต่อสู้สำหรับนิยายผมใช้เป็นเพียงเครื่องมือ เหมือนน้ำตาลที่เคลือบอาหาร"

ปี พ.ศ. 2500 คือปีที่ จาเหลียงยง เริ่มต้นเขียนนิยายกำลังภายใน ลงหนังสือพิมพ์ขนาดเล็ก ซึ่งมีกองบรรณาธิการเพียง 4 คน รวมทั้งตัวเขาด้วย แต่นั่นคือกำเนิดของหนังสือพิมพ์หมิงเป้า และนิยายของเขาก็กลายเป็นจุดขายสำคัญของหนังสือพิมพ์

ปี พ.ศ. 2509 บทบรรณาธิการของเขา แสดงความเห็นต่อต้านการปฏิวัติทางวัฒนธรรมของประเทศ โดยเขาวิจารณ์อย่างชัดเจนว่าเป็นนโยบายที่ทำลายประเพณีและวัฒนธรรมจีน

จา กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นต่อต้านดังกล่าว ทำให้เขาอยู่ในรายชื่อบัญชีดำ บุคคลที่ถูกกำหนดเป้าหมายเพื่อลอบสังหาร จากฝ่ายปีกซ้ายจัดในช่วง ปีพ.ศ. 2510

แต่หลังจากที่จีนและอังกฤษได้ลงนามข้อตกลงในการส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่จีน เมื่อปี พ.ศ. 2528 จาได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลกรุงปักกิ่ง ให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการร่างกฎหมายขั้นพื้นฐานโดยมีภารกิจสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญของประเทศฮ่องกง ซึ่งผู้สังเกตการณ์ในเวลานั้นเชื่อว่า เป็นเพราะจาเหลียงยง มีอิทธิพลและเขาสามารถถ่วงดุลมุมมองที่ขัดแย้งกันของทุกฝ่าย ในการปฏิรูปการเมืองในเมืองหลังปี 2540 แต่ภายหลังเหตุการณ์ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่จตุรัสเทียนเหมิน ในปี พ.ศ.2531 จา ได้ลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง ก่อนจะกลับเข้าร่วมการคณะกรรมาธิการเตรียมการจัดตั้ง ดูแลการถ่ายโอนอำนาจปกครองดินแดนฮ่องกงสู่รัฐบาลกลางแห่งปักกิ่ง ในปี พ.ศ. 2539

แม้ว่าตลอด 40 ปีที่ผ่านมา จาเหลียงยง จะไม่ได้เขียนผลงานใหม่ ๆ ออกมาอีกเลย ด้วยความตั้งมั่นที่จะทุ่มเทเวลาเพื่อการศึกษาความรู้เพียงอย่างเดียว

"เขาอุทิศเวลาในช่วงตลอด 40 ปีของชีวิตที่ผ่านมา เป็นอาจารย์กิตติมศักดิ์จากกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้แก่ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง, มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง, มหาวิทยาลัยหนันคาย, มหาวิทยาลัยซูโจว, มหาวิทยาลัยหัวเฉียว, มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหัว, มหาวิทยาลัยฮ่องกง, มหาวิทยาลัยบริชติชโคลัมเบีย, มหาวิทยาลัยเสฉวน มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ นอกจากนี้ ยังเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของเซนต์ แอนโทนี่ คอลเลจ, ออกซ์ฟอร์ด โรบินสัน คอลเลจ, เคมบริดจ์ และ วินฟลีทเฟลโลว์ ของ แมกดาเลน คอลเลจ, ออกซ์ฟอร์ด"

จาเหลียงยง ได้รับปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ.2548 ปัญญาชนท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า “จินตนาการไม่ออกเลยว่า หากไม่มีนิยายกำลังภายในของจาเหลียงยง โลกวรรณกรรมแห่งศตวรรษที่ 21 จะเป็นอย่างไร"

และสำหรับ แจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ซึ่งจาเหลียงยง คบหาดุจมิตรสหาย เขาได้รับแผ่นข้อความจากจาเหลียงยง อันเป็นกระดาษที่มีความหมายกับแจ็ก หม่า ผู้ยึดถืองานของจาเหลียงหยงเป็นดังวัฒนธรรมของอาลีบาบา ข้อความนั้นเขียนอักษรจีน มีใจความว่า "ผมขอละทิ้งทรัพย์สมบัติทุกอย่าง และอยู่กับมือที่มีแต่ความสัตย์ซื่อ สมบัติสามารถทิ้งไปได้ แต่ความซื่อสัตย์คุณธรรมไม่อาจละทิ้งได้"

แจ็ก หม่า กล่าวแสดงความคารวะอำลาอาลัยแด่ จาเหลียงยง ว่า "จิตวิญญาณของเหล่าผู้กล้า ในนิยายของท่านจาฯ เป็นคุณธรรมสำคัญที่ชาวอาลีบาบายึดถือ ผมชื่นชมศรัทธาท่านจา ท่านเป็นแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้งสำหรับผม และท่านจะยังคงอยู่ในใจผมเสมอ"
จาเหลียงยง ได้เขียนข้อความ ให้กับแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ซึ่งคบหาดุจมิตรสหาย ว่า ผมขอละทิ้งทรัพย์สมบัติทุกอย่าง และอยู่กับมือที่มีแต่ความสัตย์ซื่อ สมบัติสามารถทิ้งไปได้ แต่ความซื่อสัตย์คุณธรรมไม่อาจละทิ้งได้ (ภาพเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์)
กำลังโหลดความคิดเห็น