โดย ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกุล
ต่อเนี่องมาจากอาทิตย์ที่แล้วที่ผู้เขียนพูดถึงทำไมคนจีนถึงต้องไปเมืองไทย ในมุมมองที่ผู้เขียนกล่าวไปก็เป็นมุมกว้าง ๆ ในสัปดาห์นี้ผู้เขียนอยากจะกล่าวถึงประเด็นเชื่อมโยงต่อคือ คนจีนคิดยังไงกับคนไทยและประสบการณ์หลังการเที่ยว
ก่อนอื่นผู้เขียนจะขอแบ่งออกเป็นสองประเด็น เริ่มจากคนจีนคิดยังไงกับคนไทยก่อน เท่าที่ทราบเมืองไทยดังมาก ๆ ในเรื่องสาวประเภทสองไทย ทั้งจากสื่อและการบอกเล่าต่อ ๆ กันของนักท่องเที่ยวที่เคยไปเมืองไทย ผู้เขียนได้ยินเยอะมาก หากพูดถึงเมืองไทยคนจีนก็จะกล่าวถึงสาวประเภทสองอย่างสนอกสนใจ ดังนั้นในความคิดของผู้เขียนสาวประเภทสองไทยกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศแทนช้างไทยของเราไปแล้ว สาวประเภทสองไทยนั้นสวยมาก บางคนสวยกว่าสาวแท้ ๆ อีกทำให้สาวประเภทสองและการแสดงของพวกเขากลายเป็น “อะเมซิ่งไทยแลนด์” อย่างหนึ่งที่ทำเงินให้กับการท่องเที่ยวไทยอย่างมากเช่นกัน ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยของเรามีอิสระในการแสดงออกของปัจเจกบุคคล
ในมุมมองกว้าง ๆ ของคนจีนมองว่าคนไทยสุภาพ พูดจาอ่อนโยน เรียบร้อย พระในเมืองไทยมีอิทธิพลอย่างมากในสังคมและได้รับความเคารพอย่างกว้างขวาง คนจีนก็มีความเชื่อทางศาสนาพุทธหลงเหลืออยู่ทำให้คนจีนบางพวกเชื่อในพระเครื่องและเช่าพระเครื่องเพื่อเอาไว้บูชา แต่พวกเขาจะมีความเชื่อว่า การมีพระเครื่องไว้ครอบครองต้องระวังไม่สามารถเช่าแบบมั่ว ๆ ได้เพราะหากพระเครื่องที่ดี ที่ถูกโฉลกจะนำความเจริญมากับตัวเอง หากพระเครื่องที่ไม่จูนกันจะนำความหายนะมาสู่ชีวิต ต่างจากคนไทยตรงที่ว่า พระเครื่องหรือพระพุทธรูปไม่ว่าองค์ไหนก็เคารพบูชาหมด ในเรื่องอาหารการกินคือเรื่องที่คนจีนให้คะแนนประเทศไทยเราเราอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะอาหารทะเล แกงกระหรี่ต่าง ๆ ผลไม้ ที่รสชาติอร่อยเด็ด และที่สำคัญราคาถูกกว่าที่จีนมาก
ผู้เขียนเคยอยู่กับคณะคนจีนช่วงที่มาประชุมที่ไทยสี่ห้าวัน พวกเขาเรียกร้องจะทานอาหารทะเลกันทุกมื้อ โดยเฉพาะปูผัดผงกระหรี่ กุ้งแม่น้ำ กุ้งทะเล ปลาเผา ปลาทอด เป็นต้น ทำให้เห็นได้ว่าประเทศไทยของเราดังจริง ๆ ในเรื่องอาหาร ในระดับสากลก็ถือว่าเป็นครัวของโลก เพราะอาหารไทยในต่างประเทศมีราคาแพงและถือว่าเป็น Premium foods
อีกประสบการณ์หนึ่งของนักท่องเที่ยวจีน คือการไปนวดแผนไทยและสปาที่ขึ้นชื่อของไทย นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบและผ่อนคลายกับการนวดแผนไทยและสปา คนจีนที่ผู้เขียนเคยพูดคุยด้วยจำนวนหนึ่งมีความภาคภูมิใจคือ เขามาเที่ยวไทยกันเป็นจำนวนมาก มีส่วนช่วยในกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
ผู้เขียนขอสรุปง่าย ๆ โดยภาพรวมด้านประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยอยู่ในขั้นดี แต่จะมีบางอย่างที่เมืองไทยขึ้นชื่อเหมือนกัน คือเรื่องการหลอกลวงนักท่องเที่ยว ที่มีมานานและดูเหมือนว่านับวันจะเยอะขึ้น ปราบปรามได้ยาก ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การเรียกแท็กซี่ คนต่างชาติที่เรียกแท็กซี่ส่วนใหญ่และจำนวนมากจะถูกเรียกราคาเหมา ไม่กดมิเตอร์ ซึ่งผู้เขียนเองคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องตามหลักการปฎิบัติของการขึ้นแท็กซี่ แต่ดูเหมือนทุกวันนี้แท็กซี่ไทยเรียกราคาแบบเหมาจ่ายจนเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติและเคยชินกันไปแล้ว
ผู้เขียนเองยังเคยประสบกับเรื่องการเรียกแท็กซี่ยาก นั่งแท็กซี่เหมือนนั่งรถเมล์เพราะคนขับเขามีที่ที่อยากไปอยู่แล้วแบบตามใจฉัน อีกทั้งบางทียังขอเรียกราคาแบบเหมา จะไปก็ไป ไม่ไปก็เรียกคันอื่นประมาณนี้ นอกจากนี้ราคาที่แท็กซี่เรียกจากผู้โดยสารก็ดูว่ามาจากไหน หากมาจากฝั่งยุโรปจะเรียกแพงหน่อยเพราะมองว่ามาจากประเทศมีเงิน ผู้โดยสารถูกไล่ให้ลงกลางทางหรือก่อนหน้าจะเห็นข่าวเยอะมากเกี่ยวกับกรณีนักท่องเที่ยวถูกหลอกในรูปแบบต่าง ๆ ร้านอาหารคิดราคาแพงกว่าความเป็นจริง เป็นต้น
ผู้เขียนคิดว่าในขณะที่การท่องเที่ยวไทยกำลังเจริญเติบโต ห่วงโซ่ของการหลอกลวงนักท่องเที่ยวจะเป็นจุดด่างพร้อยกับการท่องเที่ยวไทยและเป็นภาพพจน์ในด้านลบกับประเทศ
เชื่อว่าทุกคนไม่มีใครอยากถูกหลอกเมื่อออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ดังนั้นอยากฝากผู้ที่อยู่ในภาคบริการของไทยให้คำนึงถึงภาพลักษณ์ประเทศและนึกถึงใจเขาใจเราด้วยค่ะ อีกทั้งภาครัฐของไทยควรเข้ามาจัดการเรื่องการคุ้มครองนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมและเพื่อการท่องเที่ยวไทยเติบโตในระยะยาวและยั่งยืนค่ะ