ฯพณฯ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นาย หลี่ว์ เจี้ยน กล่าวสุนทรพจน์ ในงานวันชาติจีนปีที่ 69 ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรมแชงการีล่า กรุงเทพฯ เมื่อเย็นวันที่ 24 ก.ย. สรุปการเปลี่ยนผ่านยุคของสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ 69 ปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายบรรลุภารกิจยิ่งใหญ่ในการสร้างชาติสังคมนิยมแบบอัตลักษณ์จีน ปรับปรุงมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน และยกระดับสถานภาพจีนบนเวทีโลก สำหรับความสัมพันธ์ไทย-จีนนั้น ฝ่ายจีนพร้อมร่วมมือสร้างแรงกระตุ้นในการสร้าง “ไทยแลนด์ 4.0”
ทั้งนี้ วันชาติจีนตรงกับวันที่ 1 ต.ค. โดยเป็นวันเฉลิมฉลองและรำลึกการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ปี ค.ศ. 1949
สาธารณรัฐประชาชนได้เปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่จากยุค “ยืนขึ้นได้” ของช่วงก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนหรือจีนใหม่...สู่ยุค “มั่งคั่ง” หลังการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศ...และกำลังผงาด “แข็งแกร่ง” ในยุคสังคมนิยมยุคใหม่นี้
ปีนี้ยังเป็นปีครบรอบ 40 ปีของการปฏิรูปและเปิดประเทศจีน สถานภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนในปัจจุบันได้พิสูจน์แล้ว ว่าการปฏิรูปเปิดประเทศเป็นกุญแจสร้างอนาคต นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในจีน โดย 40 ปีมานี้ GDP ของจีนได้เติบโตขึ้นในอัตรา 9.5%โดยเฉลี่ย รายได้สุทธิส่วนบุคคลของจีนขยายตัวแล้ว 23 เท่าตัว ประชากร 700 ล้านคน ก้าวพ้นจากความยากจน จีนที่เคยยากจนล้าหลังกลับกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการค้าขายที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีเงินสำรองระหว่างประเทศที่มากที่สุดในโลก
ในขณะเดียวกัน การปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนก็ได้แผ่ขยายอิทธิพลไปสู่ทั้งโลกในฐานะผู้สนับสนุนและผู้เข้าร่วมกระแสโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจ เป็นพลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ต่อการเจริญเติบโตและเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก โดยเศรษฐกิจจีนมีคุณูปการต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกเป็นสัดส่วนมากกว่า30%
ในขณะที่สังคมนิยมอัตลักษณ์จีนได้ย่างเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ การปฏิรูปและเปิดประเทศมีลักษณะเฉพาะตัวใหม่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งจะนำแรงผลักดันใหม่มาสู่การพัฒนาเศรษฐกิจโลก ดังต่อไปนี้
1) จีนจะเปิดกว้างสู่ภายนอกมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประกาศในที่ประชุม ปั๋วเอ๋า ฟอรัม ว่าจีนจะเปิดเสรีด้านการค้าการลงทุนให้ต่างประเทศเข้าถึงตลาดจีนมากขึ้น ปรับปรุงสภาพแวดล้อมเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา และขยายการนำเข้าอย่างแข็งขัน โดยขณะนี้จีนกำลังผลักดัน 4 มาตรการสำคัญเพื่อขยายการเปิดกว้างดังกล่าว นอกจากนี้งานเอ็กซ์โปแสดงสินค้านำเข้านานาชาติครั้งแรกของจีนจะจัดขึ้นในเดือนพ.ย. ณ นครเซี่ยงไฮ้
2) จีนมีแรงผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่เข้มแข็งมากขึ้น ในขณะที่มีการปฏิรูปโครงสร้างอุปทานและขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ความต้องการภายในประเทศนับวันกลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรองรับการพัฒนาอย่างมีคุณภาพของจีน จากผลการสำรวจปรากฏว่าระหว่างปี ค.ศ.2008-2017 ความต้องการภายในประเทศได้สร้างคุณูปการต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในสัดส่วน105.7% ต่อปี ในไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ การใช้จ่ายภายในได้สร้างคุณูปการต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในสัดส่วนสูงถึง77.8% และต่อไปความต้องการภายในประเทศยังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และนำพาจีนเปลี่ยนสถานะจากโรงงานโลกไปสู่ตลาดโลก
3) จีนมีความร่วมมือกับต่างประเทศในระดับที่สูงขึ้น ความริเริ่ม“หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”ที่จีนเสนอนั้น ไม่เพียงเป็นแรงผลักดันการปฏิรูปและการเปิดประเทศ หากได้เสนอโมเดลจีนและภูมิปัญญาจีนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของระบบธรรมาภิบาลโลก ห้าปีมานี้ จีนมีการค้าขายกับประเทศตามเส้นทางความริเริ่ม“หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”มูลค่ากว่า 5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ มีการลงทุนโดยตรงกว่า 6หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ และสร้างงานกว่า 2 แสนตำแหน่ง “แนวคิดร่วมคิด ร่วมสร้าง และร่วมแบ่งปัน” ได้รับการตอบสนองจากประเทศตามเส้นทางอย่างกว้างขวาง ความร่วมมือระหว่างจีนกับต่างประเทศพัฒนาไปในเชิงลึกมากขึ้น
4) จีนสร้างคุณูปการและโอกาสแก่ทั่วโลกมากยิ่งขึ้น ถึงแม้สภาพแวดล้อมโลกมีปัจจัยไม่แน่นอนเกิดขึ้นอย่างเด่นชัด ลัทธิกระทำการแต่ฝ่ายเดียว การปกป้องทางการค้า และกระแสที่สวนทางกับโลกาภิวัตน์ มีแนวโน้มสูงขึ้น แต่จีนยังคงมีความมั่นใจและความสามารถในการรักษาไว้ซึ่งการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และสร้างคุณูปการด้านการลงทุน การค้าและการบริโภคอุปโภคของของโลก
ช่วงครึ่งปีแรกนี้ เศรษฐกิจจีนเติบโตขึ้น6.8% ซึ่งอยู่ในความเร็วปานกลางระหว่างอัตรา 6.7%-6.9% เป็นเวลาติดต่อกัน 12 ไตรมาส จีนจะยืนหยัดในการปฏิรูปโครงสร้างอุปทาน ส่งเสริมอุตสาหกรรมไฮเทคและการผลิตระดับแนวหน้า ปรับปรุงโฉมหน้า และรูปแบบอุตสาหกรรมบริการเพื่อยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ยังคงเป็นพลังสำคัญในการรักษาเสถียรภาพ และแรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
ในด้านของความสัมพันธ์ไทย-จีน เอกอัครราชทูต หลี่ว์ ชี้ว่า จีนพร้อมร่วมมือกับไทยด้านต่างๆ ได้แก่ การสร้างภาคเกษตรกรรมที่ทันสมัย ส่งเสริมภาคการผลิตไฮ-เอน สร้างภาคพลังงานแบบใหม่ ภาคอี-คอมเมิร์ซ ไปยันการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม การศึกษา การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ฯลฯ
ด้านฝ่ายไทยยอมรับบทบาทสำคัญของจีน และพร้อมผลักดันยุทธศาสตร์การพัฒนา ส่งเสริมความร่วมมือที่ปฏิบัติได้จริงภายใต้กรอบงาน “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” เพื่อสร้างแรงกระตุ้นสู่ความเจริญก้าวหน้าสำคัญ ได้แก่ “ไทยแลนด์ 4.0, ดิจิตัล ไทยเลนด์” ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย
ทั้งนี้ ในงานเลี้ยงฉลองวันชาติจีนปีที่ 69 นี้ มีผู้เข้าร่วมงานราว 1,000 คน สำหรับแขกผู้ทรงเกียรติฝ่ายที่มาร่วมงาน อาทิ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี, ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, นาย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้งเจ้าหน้าที่อาวุโสจากกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน เจ้าหน้าที่อาวุโสจากกองทัพไทย กลุ่มเจ้าหน้าที่การทูตในไทย ผู้เข้าร่วมจากฝ่ายจีน มีกลุ่มผู้แทนชาวจีนโพ้นทะเล กลุ่มธุรกิจทุนจีน กลุ่มอาสาสมัครครู และนักเรียน นอกจากนี้ มาดาม หลี่ ปิน รองประธานคณะกรรมาธิการปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยี่ยมเยือนไทย ก็ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงฯ