เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ สื่อจีนรายงาน วันอาทิตย์ (23 ก.ย.) รถไฟเอ็กซ์เพรสเรลลิงก์ กว่างโจว-เซินเจิ้น-ฮ่องกง (Guangzhou-Shenzhen-Hong Kong Express Rail Link) เที่ยวแรกเดินทางออกจากสถานีฮ่องกงเวลา 07.00 น. และถึงสถานีเซินเจิ้น 07.19 น. ตรงตามกำหนดเวลา ด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนขบวนที่เดินทางไปเซินเจิ้นได้ส่งผู้โดยสารถึงที่หมายเวลา 10.55 น. ช้ากว่ากำหนด 8 นาที
รายงานระบุว่า รถไฟความเร็วสูงใหม่นี้สามารถนำผู้โดยสารจากฮ่องกงถึงสถานีฝูเถียนในเซินเจิ้นได้ใน 14 นาที ถึงสถานีเซินเจิ้นเหนือใน 23 นาที และถึงสถานีก่วงโจวใน 48 นาที ช่วยเชื่อมต่อฮ่องกงเข้ากับระบบรถไฟของจีนทำให้ผู้โดยสารสามารถออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้ 44 แห่ง
ผู้โดยสารหลายคนเล่าความประทับใจว่า รถไฟความเร็วสูงสายใหม่มีความรวดเร็วและมีความเสถียรตลอดการเดินทาง
อย่างไรก็ดี ผู้โดยสารบางคนเห็นว่า ควรปรับปรุงระบบการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีขั้นตอนจำนวนมากที่ไม่จำเป็น
บรรยากาศภายในสถานีรถไฟความเร็วสูงสายใหม่ในวันแรก เต็มไปด้วยผู้โดยสารจำนวนมากที่ต่อแถวยาวเหยียดเพื่อรับบัตรโดยสารที่สั่งซื้อไว้ล่วงหน้า และความสับสนวุ่นวายอันเนื่องมากจากกฎระเบียบเกี่ยวกับกระเป๋าเดินทาง ซึ่งกำหนดให้มีขนาดความกว้าง ความยาวและความสูงรวมกันได้ไม่เกิน 130 เซนติเมตร ทำให้ผู้โดยสารหลายคนต้องฝากกระเป๋าเดินทางไว้ ณ จุดรับฝากกระเป๋าภายในสถานีรถไฟ และนำสัมภาระใส่กระเป๋าถือติดตัวไปแทน หรือเลือกใช้บริการขนส่งเอกชนให้จัดส่งกระเป๋าตามไปทีหลัง
นาย Adi Lau Tin-shing ผู้อำนวยการฝ่ายการปฏิบัติงานของการรถไฟฮ่องกงเปิดเผยว่า มาตรฐานขนาดกระเป๋าดังกล่าวสอดคล้องกับข้อกำหนดของจีนแผ่นดินใหญ่ และได้มีการประกาศให้ผู้โดยสารทราบเป็นการล่วงหน้าด้วยแล้ว
ผู้โดยสารแซ่เหลียงระบุว่า เขาได้เข้าร่วมพิธีเปิดเส้นทางรถไฟสายใหม่เวลา 05.00 และรอเวลากว่า 1 ชั่วโมงในการสแกนบัตรโดยสารและเดินไปยังชั้น B2 เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งภายในมีประตูตรวจโลหะ 17 แห่งและเครื่องสแกนสัมภาระ 24 เครื่อง หลังจากนั้นจึงลงไปต่อแถวที่ชั้น B3 เพื่อผ่านพิธีการเข้าเมือง โดยสำนักตรวจคนเข้าเมืองฮ่องกงได้ตั้งเคาน์เตอร์ตรวจสอบด้วยมือ 34 แห่งและมีช่องทางอัตโนมัติ 29 แห่ง หลังจากนั้นก็ใช้เวลากว่า 20 นาทีในการเดินไปยังจุดรอขึ้นรถไฟ
ทั้งนี้ เส้นทางรถไฟสายดังกล่าวใช้เวลาในการสร้างทั้งหมด 8 ปี ซึ่งล่าช้ากว่าแผนเดิม 3 ปี และใช้เงินทุนก่อสร้างเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ถึง 1 ใน 3 นอกจากนี้ ระบบการตรวจสอบการเข้าเมืองและศุลกากรร่วมกันของจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง
