xs
xsm
sm
md
lg

ไปดูงานวันเกิดของชาวจีนว่า เขาทานอะไรกัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ซาลาเปาทรงสิ่วท้อ ขอบคุณภาพจาก https://www.openrice.com/zh-cn/hongkong/p-正-寿包-名苑酒家-p475119
โดย พชร ธรภัทรกุล

ชาวจีนนับวันเกิดกันตามปฏิทินจันทรคติ คือนับตามวันตามเดือน เกิดในวันไหนของเดือนไหน ก็ว่ากันไป แต่นับปีตามปฏิทินสุริยคติ โดยยึดวันหลิบชุง (立春เสียงแต้จิ๋ว ลี่ชุน-เสียงจีนกลาง) ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนปีนักษัตย์เป็นเกณฑ์ พอถึงวันนี้ ก็ถือว่ามีอายุมากขึ้นอีกหนึ่งขวบปีแล้ว แม้ปัจจุบันคนนิยมนับวันเกิดกันตามปฏิทินสากลกันมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า วันย่อมไม่ตรงกับการนับแบบจีน แต่การนับวันเกิดตามจันทรคติก็ยังเป็นหลักปฏิบัติสำคัญ

นอกจากนี้ ชาวจีนยังถืออายุ “ฮือส่วย” (虚岁เสียงแต้จิ๋ว) เป็นเกณฑ์ บ้างว่า เป็นการนับอายุครรภ์ของแม่ บวกเพิ่มให้อีก 1 ปีกับอายุจริง บ้างก็ว่าเป็นไปตามการคำนวณรอบนักษัตร์จีน

จีนเป็นประเทศที่ใหญ่มาก มีประชากรมากถึง 1400 ล้านคน แม้หักจำนวนชนกลุ่มน้อยออกไป ก็ยังมีประชากรที่เป็นชาติพันธุ์ฮั่นหรือจีนอยู่ถึงกว่า 1200 ล้านคน ดังนั้น ผู้คนจำนวนมหาศาลที่อยู่ในพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ ย่อมมีรายละเอียดของประเพณีที่แตกต่างกันมากมาย แม้ประเพณีนั้นจะอยู่ในกรอบใหญ่ของัฒนธรมเดียวกันก็ตาม

เรื่องของงานวันเกิดก็เช่นกัน ชาวจีนในแต่ถิ่นแต่ละสำเนียงย่อมมีประเพณีงานวันเกิดต่างกัน จนถึงกับแตกต่างกันมากก็มี ดังนั้น ข้อเขียนนี้ จึงย่นย่อเฉพาะงานวันเกิดของชาวแต้จิ๋วว่า ในอดีตพวกเขาจัดงานกันอย่างไร
เส้นสิ่วหมี่ ขอบคุณภาพจาก http://sucai.redocn.com/tupian/383303.html
ชาวแต้จิ๋วเริ่มมีงาน “วันเกิด” ของตัวเองตั้งแต่วันที่มีอายุครบ 1 ขวบ โดยเน้นเฉพาะไปที่เด็กผู้ชาย ในสมัยก่อน พ่อแม่จะจัดเตรียมชุดไหว้ “ซาแซ” (เป็ดหรือไก่ หมู และปลา) เพื่อไหว้เจ้า ไหว้บรรพชน พร้อมจัดงานเลี้ยงเชิญญาติมิตรมาในงาน เรียกงานเลี้ยงนี้ว่า “จอก้วยจิวจิ้ว” (作过周酒เสียงแต้จิ๋ว) หมายถึง “จัดสุราเลี้ยงครบรอบ 1 ขวบ” บ้างก็เรียกว่า “เถ่าแซยิก” (头生日เสียงแต้จิ๋ว) ของกินเพื่อฉลองวันเกิดครบขวบปีที่จะจัดให้เด็กทาน ได้แก่ ไข่ไก่ (ทาเปลือกสีแดง เพื่อความมีสิริมงคลด้วย บะหมี่หวาน แกงจืดวุ้นเส้นเนื้อหมู เป็นต้น

วันรุ่งขึ้น คนเป็น “งั่ว-ม่า” (外嫲 -เสียงแต้จิ๋ว) จะเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ รองเท้าคู่ใหม่ และของขวัญอื่นๆ มาให้ “งั่ว-ซุง” (外孙 -เสียงแต้จิ๋ว)

หมายเหตุ ชาวแต้จิ๋วจะเรียกลูกของลูกสาว ว่า “งั่ว-ซุง” แปลตรงๆ คือหลานนอกตระกูลแซ่ส่วนหลานๆก็จะเรียกคุณตาคุณยายว่า “งั่ว-กง” (外公) กับ“งั่ว-ม่า” ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นคนนอกตระกูลแซ่เหมือนกัน

คุณยายจะเอาไข่ไก่ที่ทาสีแดงมาให้ และถือเป็นของสำคัญที่จะขาดไม่ได้ เพราะไข่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่ และไข่ไก่ก็จะเป็นของกินของขวัญประจำวันเกิดทุกปีนับแต่นี้ไป นอกจากนี้ ก็จะมีเสื้อผ้าชุดใหม่ ซึ่งจะให้หลานชายกี่ตัวกี่ชุด ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของคุณตาคุณยายเอง แต่อย่างน้อยก็ควรมี 12 ตัว และอาจมากถึง 50-60 ตัวก็ได้ แล้วยังต้องมีกำไลทองคำหรือหยกสำหรับข้อมือข้อเท้า สร้อยคอทองคำ นัยว่าเป็นการให้พรเด็กโตไวๆ

ในสมัยก่อน แม่จะเขียนวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากของลูกไว้บนผ้าหรือกระดาษ เอาไปให้หมอดูทำพิธี เพื่อขอ “ฮู้” (符เสียงแต้จิ๋ว) หรือยันตร์ พอได้ฮู้มาแล้ว แม่จะเอาใส่ในถุงผ้าแดง แล้วพับเย็บเป็นรูปสามเหลี่ยม ผูกเชือกให้ลูกห้อยคอติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อให้สิ่งนี้คุ้มครองลูก ซึ่งเด็กจะห้อยคอติดตัวไปจนถึงวันตรุษจีนของปีหน้า ถึงจะให้หมอดูแกะถุงฮู้นี้ได้
แกงจืดวุ้นเส้นเนื้อหมู ขอบคุณภาพจาก http://www.haodou.com/recipe/42346/
นอกจากนี้ยังต้องทำพิธีไหว้กงพั้ว โดยตั้งโต๊ะ วางกระถาง เครื่องเซ่นไหว้ แล้วจุดธูปไหว้ “กงพั้ว” (公婆) แต่บ้างก็ไหว้ “ตี่จู๋เอี๊ย” (地主爷เจ้าที่จีน) แทน ถือเป็นการ “ไหว้ฝาก” ไปให้ “กงพั้ว” อีกทอดหนึ่ง ถ้าไหว้กันตามศาลเจ้า ก็ไม่ต้องจุดธูปเชิญ “กงพั้ว” มาประทับแต่อย่างใด คงให้เด็กจุดธูปไหว้ได้เลย หลังจาก “ลาไหว้” เผากระดาษทองแล้ว ก็ถือว่าจบพิธี ที่ต้องไหว้กงพั้วเพราะ กงพั้วคือเทพเจ้าคู่สามีภรรยาสูงวัยที่จะคอยดูแลปกป้องเด็กไปจนกว่าจะมีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ และหลังเด็กเข้าพิธี “ชุกฮวยฮึ้ง” (出花园) แล้ว จะถือว่าเด็กโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กงพั้วก็หมดหน้าที่ไป

พิธีกรรมและกิจกรรมที่ทำกันในวันเกิดปีแรกครั้งแรกของเด็กยังมีหลากหลายตามแต่ประเพณีนิยมของแต่ละถิ่น เช่น การเสี่ยงทายอนาคตของเด็ก โดยให้เด็กเลือกสิ่งของต่างๆที่วางอยู่ตรงหน้า ในสมัยก่อน ของที่จะให้เด็กเลือกก็มีอาทิ ชุดเครื่องเขียน ของเล่น แก้วแหวนเงินทอง ดอกไม้ ชุดเครื่องสำอาง ชุดเย็บปักถักร้อย แต่ปัจจุบัน พ่อแม่ในจีนจำนวนหนึ่งได้ปรับเปลี่ยนของที่ให้ลูกเลือกไปเป็นเงินเหรียญหรือธนบัตร เครื่องคอมพิวเตอร์ หนังสือพจนานุกรม กระทั่งโทรศัพท์มือถือก็มี ในสมัยก่อน การเสี่ยงทายอนาคตเด็กจะทำกันแต่ในเด็กผู้ชายเท่านั้น

หลังจากผ่านพิธีกรรมงานวันเกิดในปีแรกไปแล้ว งานวันเกิดในปีต่อมาๆ ก็มักเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ในวันนั้น เจ้าของวันเกิดอย่างน้อยก็ต้องกินไข่กินบะหมี่ (หรือวุ้นเส้น) สมัยเด็ก แม่จะให้ผมกินไข่ไก่ต้มสีแดงใส่มาในบะหมี่น้ำหวานทุกปี งานวันเกิดครั้งสำคัญและเป็นครั้งสุดท้ายในวัยเด็กคือ งาน “ชุกฮวยฮึ้ง” (มีโอกาสจะมาเล่าอีกที)

เมื่อพ้นวัยเด็กเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว งานวันเกิดก็มักปล่อยให้เป็นไปตามอัธยาศัยของแต่ละคน แต่จะไม่มีการจัดงานใหญ่ บางคนไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรนัก และมีบ้างที่เชื่อว่า ไม่ควรจัดงานวันเกิดในช่วงวัยผู้ใหญ่ จนกว่าอายุจะล่วงวัย 50 ปีไปแล้ว งานวันเกิดแบบจีนจึงจะกลับมามีความสำคัญอีกครั้ง
ไข่ไก่สีแดง ขอบคุณภาพจาก http://www.cztaole.com/information/detail/767/_1
ขงจื๊อกล่าวว่า “อายุ 15 ใฝ่หาความรู้ อายุ 30 หยั่งรากความรู้ อายุ 40 ไม่หลงมัวเมา อายุ 50 เข้าใจโลกเข้าใจชีวิต 60 มีวิจารณญานอันถ่องแท้ 70 รู้คิดรู้ทำดั่งใจ”

คำกล่าวนี้ของขงจื๊อ ทำให้คนจีนถือว่า อายุ 50 ปีชึ้นไปอยู่ในวัย “เจี่ยสิ่ว” (正寿) หรือ “สูงวัย” ความสำคัญของการจัดงานวันเกิดสำหรับผู้สูงวัยจึงเริ่มที่วัยนี้ การจัดงานวันเกิดในปีที่มีอายุครบ 50 ปี 60 ปี 70 ปีบริบูรณ์ จะเรียกว่า “เจี่ยเข่ง” (正庆) คือการฉลองอายุครบรอบทุกๆสิบปีบริบูรณ์ แต่ถ้าจัดงานวันเกิดในปีที่อายุลงท้ายด้วยเลข 9 ซึ่งเป็นเลขที่มีพลังหยังมากที่สุดตามความเชื่อฝ่ายเต๋า ก็จะเรียกงานนี้ว่า “ตั่วเข่ง” (大庆) เป็นงานใหญ่ แต่สำคัญน้อยกว่างานเจี่ยเข่ง

ชาวแต้จิ๋วเรียกงานวันเกิดทั้งสองกรณีรวมกันว่า งาน “ตั่ว-แซ-ยิก” (大生日) หมายถึงงานฉลองวันเกิดรอบใหญ่ เรียกโต๊ะจีนในงานนี้ว่า “ซิ่ว-เตาะ” (寿桌) ส่วนวันเกิดในช่วงอายุ 51-58 หรือ 61-68 จะไม่ถือเป็นการฉลองใหญ่ เรียกว่า “ซั่วแซยิก” (散生日) หมายถึงวันเกิดในปีปลีกย่อย

งานเลี้ยงวัน “ตั่วแซยิก” ถือเป็นงานเลี้ยงสำคัญ เพราะตลอดชั่วชีวิตที่เหลือของญาติผู้ใหญ่วัย 50 ขึ้นไป คงจะมีงานเช่นนี้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก่อนถึงวันงาน ญาติมิตรจะได้รับหนังสือเชิญเพื่อบอกกล่าวล่วงหน้า ซึ่งญาติมิตรจะต้องเตรียมเส้นบะหมี่ สิ่วท้อ (寿桃ขนมฟูทรงผลท้อ) และส้ม ซึ่งล้วนเป็นของมงคลแสดงถึงความมีอายุยืนยาว

นอกจากนี้ ยังมีการให้ “อั่งเปา” (红包) ซึ่งต้องใส่ธนบัตรในจำนวนเต็มสิบนซองแดงเสมอ ที่จะขาดไม่ได้ คือต้องประดับผ้าไหมผืนใหญ่ ที่ปักอักษรจีน “สิ่ว” (寿) สัญลักษณ์อายุยืนอยู่ตรงกลางผ้า เรียกว่า ผ้า “สิ่วเจี่ยง” (寿帐) สิ่งนี้ใช้เป็นของขวัญหรือเป็นของตกแต่งสถานที่ ส่วนมากนิยมใช้ผ้าพื้นแดงทั้งผืน ส่วนตัวอักษร “สิ่ว” ตรงกลางใช้สีเหลืองหรือสีทอง โดยแขวนผ้าผืนนี้ไว้บนผนังกลางห้องให้เห็นเด่นเป็นสง่า พรั่งพร้อมด้วยผืนผ้าปักคำอวยพรอื่นๆ ขึงแขวนไปรอบห้องจัดเลี้ยง สำนวนอวยพรที่นิยมใช้กันมี เช่น “หก-อยู่-ตัง-ไห้” (福如东海) หรือ “สิ่ว-ปี-หน่ำ-ซัว” (寿比南山) สำนวนแรกอวยพรให้มีบุญวาสนาไพศาลดุจทะเลจีนตะวันออก สำนวนหลังอวยพรให้อายุยืนยาวดุจขุนเขาหน่ำซัว
เส้นสิ่วหมี่ไข่ต้ม ขอบคุณภาพจาก http://www.haodou.com/recipe/1032185/
งานเลี้ยงในช่วงกลางวัน ต้องจัด “สิ่วหมี่” (寿面) หรือเส้นหมี่ให้เจ้าของวันเกิดทานก่อน ซึ่งมักจะทำเป็นบะหมี่หวานใส่ไข่ไก่ต้ม ส่วนงานเลี้ยงช่วงค่ำ จะจัดเลี้ยงกี่โต๊ะ ก็สุดแล้วแต่เจ้าภาพ จัดได้ตั้งแต่โต๊ะสองโต๊ะจนถึงหลายสิบโต๊ะ แต่ไม่ว่าจะจัดกี่โต๊ะ บุคคลสำคัญที่สุดในงานคือ ญาติผู้ใหญ่เจ้าของวันเกิดคนนั้น ท่านจะต้องได้นั่งที่นั่งในตำแหน่ง “ตั่วอุ่ย” (大位) ที่หันหน้าออกไปทางประตูเสมอ ส่วนคู่ชีวิต (ถ้ามีชีวิตอยู่) ก็ต้องจัดให้ได้นั่งเคียงคู่กัน

การจัดอาหารขึ้นโต๊ะก็เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวแต้จิ๋ว คือต้องจัดของหวานขึ้นก่อนและปิดท้ายงานเลี้ยงด้วยของหวานเช่นกัน หมี่ผัดจานโตคืออาหารสัญลักษณ์สำคัญของงานที่จะขาดไม่ได้เด็ดขาด ส่วนอาหารอื่นๆก็แล้วแต่เจ้าภาพงานจัดหากันเองตามอัธยาศัย แต่มักเน้นอาหารที่มีความหมายในทางมงคล อาทิ
ซุปหวานลูกบัว ขอบคุณภาพจาก https://kknews.cc/news/6a5o2l.html
เส้นสิ่วหมี่ไข่ต้ม (จะหวานจะคาวก็ได้ แต่มักนิยมเป็นหมี่หวาน) ซึ่งจะผัดหรือต้มก็ได้ ขอเพียงต้องใส่ไข่ทั้งฟองด้วยเท่านั้น แกงจืดวุ้นเส้นไข่ต้ม (สูตรแปลงจากการใช้เส้นสิ่วหมี่) ผัดผักโป๊ยเซียน (ผักแปดชนิด) กุยช่ายผัดเนื้อ รากบัวผัดเนื้อ หน่อไม้ผัดเนื้อ เป็นต้น

ของหวาน เช่น เผือกหิมะ แปะก้วยเผือก ซุปหวานลูกบัว เป็นต้น

ทั้งหมดแทนความมงคลถึงการมีอายุยืนยาว บริสุทธิ์ และอดทน เป็นต้น
เผือกหิมะ ขอบคุณภาพจาก https://kknews.cc/news/6a5o2l.html
ผ้าสิ่วเจี่ยง (ผ้าผืนใหญ่สีแดงมีอักษจีนอยู่ตรงกลาง) ขอบคุณภาพจาก http://www.cdjmwh.com/a/news/hyxw/281.html


กำลังโหลดความคิดเห็น