จีบีไทม์ส (27 ส.ค.) รายงานอ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยืนยันว่า โครงการหนึ่งแถบหนึ่งทาง ไม่ใช่เรื่องการเมือง
สี จิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาในกรุงปักกิ่ง ซึ่งจัดขึ้นในวาระครบรอบ 5 ปีของโครงการหนึ่งแถบหนึ่งทางว่า ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรทางการเมือง การรวมกลุ่มการเมือง การทหารหรืออธิปไตย
"เราไม่ได้แบ่งแยกอุดมการณ์ และไม่ได้เล่นเกมที่ต้องมีแพ้-ชนะ หรือ เกมที่มีผลรวมเป็นศูนย์ (zero-sum game)" ประธานาธิบดีจีนกล่าวฯ
สี จิ้นผิง กล่าวว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิดโดยรวมของโครงการหนึ่งแถบหนึ่งทาง ได้กลายเป็นสิ่งที่มองเห็น จับต้องได้มากขึ้น ในอนาคตจีนจะมุ่งเน้นประเด็นสำคัญ ได้แก่ โครงการใหญ่การสนับสนุนทางการเงิน สภาพแวดล้อมการลงทุน การบริหารความเสี่ยงและความมั่นคงเพื่อบรรลุผลที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
ด้าน หนิง จี๋เจ๋อ รองประธานคณะกรรมการปฏิรูปการพัฒนาแห่งชาติ (NDRC) ก็ได้กล่าวในงานแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่าเงินให้กู้ยืมแก่ประเทศอื่น ๆ ภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งทางนี้ ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การพึ่งพาตราสารหนี้ แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
หนิง จี๋เจ๋อ กล่าวว่าในโอกาสวันครบรอบ 5 ปีของการริเริ่มโครงการดังกล่าว ว่าคือแผนนโยบายต่างประเทศที่สำคัญของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มการเชื่อมโยงการค้าระหว่างจีนกับประเทศต่าง ๆ 70 ประเทศ จากเอเชียไปยังยุโรปและแอฟริกา ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
หนิง กล่าวว่าหนี้ในหมู่ประเทศหนึ่งแถบหนึ่งทาง ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากนานาชาติมากขึ้นนั้น ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับโครงการนี้
"ระดับหนี้ในประเทศเหล่านี้มีสูงมากในอดีต ประเทศอื่น ๆ บางประเทศมีหนี้สินสูงเนื่องจากได้กู้ยืมเงินจากประเทศอื่น และองค์กรการเงินระหว่างประเทศ" นายหนิง กล่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับ "กับดักหนี้" ที่สร้างโดยการให้เงินกู้ยืมจากจีน
"จีนมาทีหลัง ไม่ใช่เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด "เขากล่าว และเสริมว่า
"ในการจัดหาเงินทุนให้กับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งทาง ประเทศจีนยึดมั่นในแนวทางที่ให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยให้เงินกู้ตามสภาพจริงของประเทศผู้รับโครงการสนับสนุนการก่อสร้างโครงการ และหลีกเลี่ยงการสร้างความเสี่ยงด้านหนี้ใหม่ หรือภาระทางการคลังของประเทศเจ้าบ้าน"
ข้อสังเกตดังกล่าว มาจากคำตัดสินของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซีย นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประกาศยกเลิกโครงการหนึ่งแถบหนึ่งทาง ซึ่งเป็นโครงการเชื่อมทางรถไฟริมฝั่งตะวันออก โครงการรถไฟสายหลักของจีน มูลค่าจำนวน 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติในซาบาห์
มหาเธร์ กล่าวว่า โครงการเหล่านี้จะถูกยกเลิกไปจนกว่ามาเลเซียจะมีศักยภาพทางการเงินพอจะจ่ายหนี้ได้ แต่เขาก็เตือนว่านี่คือ "รูปแบบใหม่ของลัทธิล่าอาณานิคม"
นักวิจารณ์ได้กล่าวหายุทธศาสตร์ "การทูตกับดักหนี้" ของปักกิ่ง ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศอื่น ๆ ก่อหนี้สินที่ไม่ยั่งยืน เพื่อเพิ่มอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์หรือเข้าถึงทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ ความกังวลเหล่านี้ได้ถูกตอกย้ำจากการตัดสินใจของประเทศศรีลังกา ซึ่งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ต้องปล่อยท่าเรือฮัมบันโตตาให้สิทธิบริหารแก่จีนเป็นเวลา 99 ปี หลังจากไม่มีความสามารถในการจ่ายเงินกู้ให้กับธนาคารจีน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ในปากีสถาน ยังอาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับระเบียงเศรษฐกิจของจีน - ปากีสถาน (CPEC) ซึ่งเป็นโครงการเรือธง มูลค่าหลายพันล้านเหรียญ
ปากีสถาน จิบูตี มัลดีฟส์ ลาว มองโกเลีย มอนเตเนโกร ทาจิกิสถานและคีร์กีซสถาน ต่างได้รับการระบุว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านหนี้สินสูงเนื่องจากโครงการหนึ่งแถบหนึ่งทาง ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้กระตุ้นจีนให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของหนี้ในประเทศคู่ค้า
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและออสเตรเลียได้ประกาศความร่วมมือด้านการลงทุนแบบไตรภาคี ซึ่งถือเป็นความพยายามที่จะต่อต้านการแผ่อำนาจการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก