ไชน่า เดลี/ซินหวา/เอพี--ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด จากแดนเสือเหลืองแห่งมาเลเซีย พบปะจับมือสัญญาผลักดันความคืบหน้าความร่วมมือแห่งยุคใหม่ และร่วมกันสร้าง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”
ในวานนี้(20 ส.ค.) สองผู้นำแห่งแผ่นดินใหญ่ สี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด วัย 93 ปีผู้ซึ่งเพิ่งนั่งเก้านายกฯสมัยที่สองหมาดๆเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาและกำลังบุกเบิกสร้างมาเลเซียยุคใหม่ ได้พบปะประชุมกันที่มหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง
ประมุขสีได้กล่าวทักทายว่ามาเลเซียเป็นประเทศสำคัญบนเส้นทางสายไหมยุคโบราณ และชื่นชมที่แดนเสือเหลือง เป็นชาติหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนความริเริ่ม หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) ในตอนแรกๆที่จีนผลักดันนโยบายนี้ ทั้งนี้ หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง ประกอบด้วยเส้นทางสายไหมทางบก และเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งยุคศตวรรษที่ 21 สี จิ้นผิงได้ผลักดันความริเริ่มนี้ ในปี 2013
สี จิ้นผิง กล่าวแก่มหาเธร์ว่า “สองประเทศควรได้สร้างความเชื่อมโยงในยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศกัน ส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม นวัตกรรม และหวังว่าสองชาติจะบุกเบิกสร้างเขตพัฒนาใหม่ พร้อมกับสำรวจหาความร่วมมือภาคใหม่ๆ เพื่อขยายความร่วมมือแบบแบบวิน-วินกัน”
“ทั้งสองฝ่ายควรหันมาเข้าหากันแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่อย่างเหมาะสม โดยยึดหลักการเคารพซึ่งกันและกัน และประสานร่วมมือกันอย่างมิตร”
สียังได้กล่าวชื่นชมนายกฯมหาเธร์สำหรับการมองจีนเป็นผู้สร้างโอกาสการพัฒนาในภูมิภาค สนับสนุน ความริเริ่ม หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง นอกจากนี้ สองประเทศควรที่จะจับมือกันอย่างเหนียวแน่นในการต่อต้านลัทธิปกป้องการค้า และช่วยกันขยายบทบาทของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในกิจการบนเวทีโลก
ด้านผู้นำรัฐบาลแดนเสือเหลือง กล่าวว่า การเยือนประเทศจีนครั้งนี้ เป็นความเคลื่อนไหวสำคัญของรัฐบาลใหม่มาเลเซีย และจะยึดถือนโยบายเป็นมิตรกับจีน
“ ณ บัดนี้ เรามาที่นี่เพื่อยืนยันกับรัฐบาลจีนและประชาชนจีน ว่าสัมพันธภาพระหว่างเรามิได้เปลี่ยนแปลง แม้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่” มหาเธร์ กล่าว พร้อมชี้ว่าจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน และการพัฒนาของจีน ก็มิได้เป็นภัยคุกคามต่อใคร
นายกฯมหาเธร์กล่าวอีกว่า มาเลเซียชื่นชมการพัฒนาอย่างอิสระและน่ามหัศจรรย์ของจีน จนประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในด้านการพาณิชย์-อุตสาหกรรม และขณะที่มาเลย์กำลังผลักดันนโยบาย “สู่ตะวันออก” (Look East) จีนจะเป็นแบบอย่างให้มาเลเซียเรียนรู้ประสบการณ์ที่สร้างสำเร็จในการส่งเสริมนวัตกรรม และก้าวไกลในการพัฒนาประเทศอย่างอิสระ
ผู้นำมาเลเซียยังได้สัญญาจะเข้าร่วมสร้างความร่วมมือหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง ซึ่งจะนำการพัฒนาและความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจสู่อาณาบริเวณ
“เรายังเชื่อในความสัมพันธ์ฉันมิตรกับทุกๆประเทศ โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งมีความสำคัญและอิทธิพลอย่างมากต่อประเทศมาเลเซีย และการพัฒนาของดินแดน”
ในวานนี้ นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่เฉียง และมีการแถลงการณ์ร่วม นายกฯหลี่กล่าวถึงศักยภาพอันมหาศาลในความร่วมมือจีนและมาเลย์ โดยฝ่ายจีนยินดีที่จะประสานความริเริ่ม หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของมาเลเซีย ส่งเสริมความร่วมพัฒนในภาคธุรกิจต่างๆ ตลอดจนนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่โดเด่นของแดนเสือเหลืองเพื่อตอบเสนอความต้องการผู้บริโภคจีนมากขึ้น ยกระดับการค้าทวิภาคี
ด้านมหาเธร์ตอบรับ “จีนและมาเลย์เป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันอย่างต่อเนื่องมาตลอด การเยือนประเทศจีนครั้งนี้ของผม นับเป็นการเยือนต่างประเทศนอกกลุ่มอาเซียนครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกฯสมัยที่สอง และเป็นการเยือนจีนครั้งที่ 8 ในฐานะนายกรัฐมนตรีของผม มาเลเซีนคงนโยบายสัมพันธ์ฉันมิตรกับจีนทั้งจะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก โดยส่งเสริมการค้าการลงทุน ตลอดจนสนับสนุนความริเริ่ม หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”
ระหว่างการเยือนประเทศจีนวันที่ 17 -21 ส.ค. นายกฯ มหาเธร์ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (M)U) กับจีนหลายฉบับ ทั้งเดินสายพบปะกลุ่มนักธุรกิจใหญ่ของจีน อาทิ นาย แจ๊ค หม่า ประธานอาลีบาบา กรุ๊ป และนาย หลี่ ซูฝู ยักษ์ใหญ่รถยนต์จีน “เจ้อเจียง จี๋ลี่ โฮลดิ้งส”