xs
xsm
sm
md
lg

ชาวจีนใช้แป้งทำอาหารกันอย่างไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผัดปลาลงแป้งแบบหัวฉ่าว ขอบคุณภาพจาก https://icook.tw/recipes/190722
โดย พชร ธนภัทรกุล

หนึ่งในศิลปะการปรุงอาหารจีนที่สำคัญ คือการใช้แป้งจากหัวมันเทศหรือหัวมันสำปะหลัง และอื่นๆอีกหลายชนิดเพื่อปรุงอาหาร ด้วยการลงแป้งในอาหาร โดยอาศัยคุณสมบัติของแป้งที่เมื่อได้รับความร้อน ตัวแป้งจะดูดซึมน้ำ จนเหนียวข้นและใสมันเงาขึ้น ดังนั้น การใส่แป้งผสมน้ำลงในอาหารที่ใกล้สุก จึงช่วยให้น้ำปรุงในอาหารนั้นเหนียวข้นขึ้น น้ำปรุงที่เหนียวข้นขึ้นนี้จะเพิ่มแรงยึดเกาะชิ้นอาหารมากขึ้น ช่วยให้อาหารมีสีสันและรสชาติดีขึ้นไปในตัว

ชาวจีนเรียกวิธีนี้กันว่า โกวเชี่ยน (勾芡)

ส่วนชาวแต้จิ๋วเรียกว่า ส้วงฮุ่ง (爽粉)

ชาวจีนเรียกแป้งที่ใช้แตกต่างกันหลายชื่อจนน่าเวียนหัว โดยทั่วไปมักจะเรียกว่า เตี้ยนฝึ่น (淀粉) แต่ก็ยังเรียกแยกย่อยกันลงไปอีก เช่น คนทางภาคเหนือของจีนเรียก ถวนฝึ่น (团粉) คนทางใต้เรียก เซิงฝึ่น (生粉) ชาวแต้จิ๋วเรียก ฮุ่ง (粉เสียงแต้จิ๋ว) เป็นต้น

โดยชื่อเหล่านี้เป็นชื่อรวมของแป้งชนิดต่างๆ แต่แม้จะเป็นชื่อรวม ชาวจีนในแต่ละท้องถิ่นก็มักหมายถึงชนิดแป้งที่ต่างกัน เช่น ชาวเซี่ยงไฮ้มักหมายถึงแป้งกระจับหรือหลิงฝึ่น (菱粉) ส่วนชาวฮ่องกงก็จะนึกถึงแป้งข้าวโพดหรือวี่หมีฝึ่น (玉米粉)
ปลาเปรี้ยวหวานลงแป้งแบบลิวเชี่ยน ขอบคุณภาพจาก http://www.sohu.com/a/223272447_352492
ขณะที่ชาวไต้หวันจะนึกถึงแป้งมันฝรั่งหรือถู่โต้วฝึ่น (土豆粉) ที่เราเรียกกันว่า แป้งมันฮ่องกง นั่นแหละ และแป้งมันสำปะหลังหรือมู่สูฝึ่น (木薯粉) ด้วย

ขณะที่คนแต้จิ๋วมักหมายถึงแป้งมันทุกชนิดรวมทั้งแป้งท้าวยายม่อมที่ชื่อ จื่อฮุ่ง (薯粉) ด้วย

แป้งที่ใช้สำหรับการลงแป้งเพื่อให้น้ำอาหารนั้นเหนียวข้นขึ้นได้ ก็เช่น แป้งมันสำปะหลังหรือแป้งสิงคโปร์ แป้งหมี่หรือแป้งสาลี แป้งกระจับ แป้งรากบัว แป้งถั่วเขียว แป้งข้าวโพด แป้งท้าวยายม่อม และแป้งท้าว (มักเป็นชื่อทางการค้า ทำจากแป้งมันสำปะหลัง อัดเป็นเม็ดเลียนแบบแป้งท้าวยายม่อมที่มีราคาแพงกว่า) เป็นต้น

แป้งเหล่านี้ไม่ละลายในน้ำเหมือนน้ำตาลหรือเกลือ แต่เมื่อผสมน้ำแล้ว ตัวแป้งจะแตกกระจายลอยตัวอยู่ในน้ำ จนน้ำดูขาวขุ่นเหมือนน้ำนม แต่ถ้าตั้งทิ้งไว้สักครู่ ตัวแป้งจะเริ่มตกตะกอน ในขณะที่แป้งแตกกระจายลอยตัวอยู่ในน้ำนั้น หากได้รับความร้อนที่ 60 องศาเซลเซียส ตัวแป้งจะเริ่มดูดซึมน้ำและหลอมตัวจนน้ำแป้งนั้นเริ่มเหนียวและใสมันวาวขึ้น การลงแป้งหรือโกวเชี่ยนในอาหารจีน ก็คือการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติข้อนี้ของแป้งนั่นเอง
ออส่วนจีนที่ลงแป้งแบบเปาเชี่ยน ขอบคุณภาพจาก http://www.sohu.com/a/195512876_355747
การลงแป้งดูผิวเผินแล้วไม่น่าจะยากอะไร แค่เอาแป้งผสมน้ำ แล้วเทใส่ในอาหารที่กำลังจะสุก รอแป้งสุกก็ได้แล้ว แต่ความจริง การลงแป้งทำได้ดีหรือไม่ มีผลต่อคุณภาพของอาหารนั้นๆมากทีเดียว เพราะนี่ถือเป็นหนึ่งในวิธีการเบื้องต้นของการทำอาหารจีนเลยแหละ

อาหารจีนที่ต้องลงแป้งส่วนมากจะเป็นอาหารประเภทผัดเช่น ผัดปลาเนื้อสดแบบแห้งอย่างที่เรียกว่า “ฉ่าว” (炒) หรือผัดปลาผัดเนื้อที่หมักน้ำปรุงหรือชุบแป้งทอดมาก่อนทั้งแบบที่ลงแป้งน้อยหรือที่เรียกว่า “หัวฉ่าว” (滑炒) และแบบที่ลงแป้งมากหรือที่เรียกว่า “ลิวเชียน” (溜芡)

ข้อสังเกตคือการผัดในแบบต่างๆนี้ล้วนต้องใช้ไฟแรง และอาหารที่ผัดด้วยวิธีเหล่านี้ส่วนมากมักไม่มีน้ำ แต่เนื่องจากในระหว่างที่ผัด ชิ้นเนื้อชิ้นปลาจะคายน้ำออกมา บวกกับน้ำจากเครื่องปรุงรส เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา หรือน้ำเล็กน้อยที่พรมใส่เพื่อให้ชิ้นเนื้อชิ้นปลานุ่มขึ้น จึงพอมีน้ำขลุกขลิกติดก้นกระทะ การลงแป้งจะช่วยให้อาหารนั้นมีน้ำมากขึ้น ทั้งยังเหนียวเกาะจับอยู่กับผิวชิ้นเนื้อชิ้นปลา ซึ่งนั่นทำให้เราได้อาหารที่ดูใสมันวาว นุ่มลื่นและสวยสดขึ้น

การผสมแป้งทำได้ ๒ อย่าง อย่างแรกจะใส่เครื่องปรุงรสลงไปในน้ำแป้งมันด้วย อีกอย่างใช้แต่แป้งมันผสมน้ำ น้ำแป้งอย่างแรกมักใช้กับอาหารที่ผัดเร็วด้วยไฟแรง ส่วนน้ำแป้งอย่างหลังจะใช้กับอาหารผัดทั่วๆไป เช่น จั้บหวุย (杂烩) หรือผัดผักรวมของชาวกวางตุ้ง โกยซีหมี่ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า เป็นต้น
ข้าวหมูแดงราดด้วยน้ำซาวจี้/น้ำเกรวี่จีน ขอบคุณภาพจาก http://dy.163.com/v2/article/T1462785868866/CGQAO4NP05249D3I
ยังมีการผสมแป้งอีกอย่างเรียกว่า ซาวจี้ (烧汁) คือ การทำน้ำเกรวี่แบบจีน เป็นการผัดเครื่องปรุงรส เติมน้ำซุป พอเดือดแล้วลงแป้งให้เหนียวข้นขึ้น นำไปราดกับชิ้นเนื้อหรือปลาที่ปรุงเตรียมไว้แล้ว หรือจะราดข้าวก็ได้ ที่เรารู้จักกันดี ก็เช่น ปลาเปรี้ยวหวาน ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ข้าวหน้าเป็ด เป็นต้น

วิธีการลงแป้งยังขึ้นอยู่กับลักษณะอาหารที่ทำด้วย อาหารที่ใช้ไฟแรงและต้องผัดเร็ว ทั้งต้องการให้อาหารมีน้ำเหนียวข้นมาหุ้มห่อชิ้นอาหารไว้ ต้องลงแป้งมาก อย่างนี้เรียกว่า เปาเชี่ยน (包芡) เช่น ผัดไตหมูเสฉวน ผัดเนื้อหมูหั่นเส้นแบบเสฉวน รวมทั้งผัดหอยนางรมลงแป้งที่ชาวแต้จิ๋วเรียก่า “อ่อส่วง” (蚝爽) แต่เราเรียก “ออส่วน” เป็นต้น

เมื่อก่อนก๋วยเตี๋ยวราดหน้าจะใช้วิธีลงแป้งแบบนี้กัน ผัดเส้นก๋วยเตี๋ยวแยกต่างหาก จากนั้นจึงตั้งกระทะใส่น้ำมัน เร่งไฟแรง ผัดกระเทียมสับและเต้าเจี้ยวให้หอม ตามด้วยใส่ผักสด เช่น ยอดคะน้า ก้านคะน้าลอกเปลือกฝานแฉลบ พอผักเริ่มสุกเติมน้ำ (ไม่ต้องมาก) น้ำเดือดใส่เนื้อหมูหมัก แล้วลงแป้งให้เหนียวข้น ตักราดบนเส้นก๋วยเตี๋ยว ได้ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าที่มีน้ำเหนียวข้นแบบเปาเชี่ยน คือมีน้ำไม่มากนัก แต่น้ำเหนียวข้นมาก และเพียงพอที่จะหุ้มเครื่องปรุงทั้งหมดในจาน เพื่อเพิ่มรสชาติและสีสันให้กับเนื้อ ผัก และเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ตามวัตถุประสงค์ของการลงแป้งแบบนี้

แต่ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าที่ขายทุกวันนี้ มักทำส่วนผสมต่างๆแยกกันไว้ ผัดเส้นก๋วยเตี๋ยว ผัดผักและเนื้อหมูหมักแยกไว้ ทำน้ำราดเหนียวแบบซาวจี้แยกต่างหาก เวลากิน จัดเส้นก๋วยเตี๋ยว ผัก และเนื้อหมูวางในจาน ราดด้วยน้ำราดเหนียว ได้ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าที่มีน้ำเหนียวค่อนข้างเหลวใสกว่าการทำแบบเปาเชี่ยนมาก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนวิธีการปรุงไปโดยสิ้นเชิง
ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานลงแป้งแบบหูเชี่ยน ขอบคุณภาพจาก http://www.how01.com/post_ZvXv27XxJ345R.html
อาหารที่ต้องผัดหรือทอดก่อนจึงนำมาตุ๋นหรือต้มเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ลงแป้งเพื่อให้ได้น้ำตุ๋นที่เหนียวขึ้น และให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมขึ้น เช่น ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน หรือซี่โครงหมูน้ำแดง ทอดซี่โครงหมูเตรียมไว้ เหลือน้ำมันไว้ในกระทะเล็กน้อย ใส่ต้นหอมหั่นท่อน ขิงแว่นลงผัดให้หอม ตักต้นหอมและขิงออก ใส่ซี่โครงหมู ตามด้วยน้ำแป้งที่ผสมซีอิ๊วขาว น้ำตาล น้ำส้มสายชู และเหล้าจีนไว้แล้วลงไป ผัดคนไปเรื่อยๆจนน้ำงวดเกือบแห้ง เหยาะน้ำมันงา ก็ใช้ได้ การลงแป้งแบบนี้เรียกว่า หูเชี่ยน (糊芡)

สำหรับอาหารชิ้นใหญ่ เช่น ปลาทั้งตัว มักลงแป้งค่อนข้างบาง เมื่อจัดชิ้นอาหารลงจานแล้ว จะใช้น้ำจากการปรุงอาหารนั้นมาลงแป้งพอให้เหนียวเหลว แล้วเอาราดบนชิ้นอาหาร เช่น ปลาเปรี้ยวหวาน ปลาสามรส เป็นต้น การลงแป้งอย่างนี้เรียก ลิวเชี่ยน (溜芡) และเรียกวิธีปรุงน้ำราดแบบนี้ว่า ซาวจี้ (烧汁) ดังได้กล่าวมาแล้ว

อาหารที่ลงแป้งบางที่สุด มักเป็นพวกผัดและต้ม เพื่อให้น้ำในอาหารมีความเหนียวข้นขึ้นเล็กน้อย อย่างนี้ เรียกว่า โป๋เชี่ยน (薄芡) พวกผัด เช่น เต้าหู้ทรงเครื่อง เริ่มจากทอดเต้าหู้อ่อนให้ผิวพอเหลืองแข็ง ตักขึ้นพักไว้ ใส่เนื้อหมูสับลงผัดให้เนื้อตึง คายน้ำ พักไว้ข้างกระทะ ใส่ต้นหอม ขิงซอย เห็ดหอมหั่นเส้น เห็ดฟางหั่นชิ้นบาง ผัดคนเข้ากับเนื้อหมูสับ เติมน้ำ ซีอิ๊ว เหล้าจีน เต้าหู้ที่ทอดแล้ว หรี่ไฟอ่อนต้มให้เข้ารสกันแล้ว จึงลงแป้ง แป้งสุกตักใส่จานโรยใบหอมซอยและพริกไทย จุดประสงค์ที่ลงแป้ง ก็เพื่อให้น้ำซุปในอาหารเหนียวขึ้นเล็กน้อย คงรสและคงสีให้สดใหม่ไว้

สำหรับกระเพาะปลาน้ำแดงในบ้านเรา จัดอยู่ในประเภทต้ม ถือเป็นการลงแป้งแบบโป๋เชี่ยนที่บางที่สุด จุดประสงค์เพียงเพื่อให้ชิ้นอาหารเกาะตัวกันเป็นกลุ่ม ไม่กระจัดกระจายอย่างในแกงจืด จึงไม่ต้องการน้ำที่เหนียวข้นมากนัก การลงแป้งต้องรอต้มเครื่องปรุงคือ กระเพาะปลา เครื่องในไก่ เลือดไก่ เห็ดหอม หน่อไม้ให้เดือดก่อน จึงค่อยๆรินน้ำแป้งลงไป พร้อมคนกวนอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน
ก๋วยเตี๋ยวราดลงแป้งแบบโป๋เชี่ยน ขอบคุณภาพจาก https://kknews.cc/food/3jbo8.html
ข้อสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการลงแป้ง คือเรื่องของเวลา

การลงแป้งเร็วไป แป้งที่อยู่ในกระทะนานอาจไหม้ได้ แต่ถ้าลงแป้งช้าไป ชิ้นอาหารมักแข็งและเหนียว ขาดความกรอบนุ่ม อาหารที่ลงแป้งจะใช้น้ำมันมากไม่ได้ ไม่เช่นนั้น น้ำแป้งที่สุกแล้วจะไม่เกาะจับชิ้นอาหาร ทำให้ดูไม่สวยไม่สดอย่างที่ต้องการ น้ำปรุงของอาหารต้องมีไม่มากหรือน้อยไป เพราะอาจทำให้ลงแป้งแล้วได้น้ำที่เหนียวหรือเหลวเกินไปได้ ซึ่งจะทำให้อาหารดูไม่น่าทาน

ถ้าเป็นการลงแป้งที่มีแต่แป้งผสมน้ำ ไม่มีเครื่องปรุงรสผสมด้วย ควรจัดการปรุงรสปรุงสีอาหารให้เรียบร้อยก่อน จึงค่อยลงแป้ง เพื่อให้อาหารมีรสดีสีสดน่าทาน นอกจากนี้ หลังลงแป้งแล้ว ยังอาจใส่น้ำมันปรุงรส เช่น น้ำมันงา น้ำมันไก่ เพื่อให้อาหารหอมขึ้น มีสีสันและมันวาวขึ้น โดยต้องใส่น้ำมันหลังจากแป้งสุกดีแล้ว ทั้งต้องไม่ใส่น้ำมันมากไปหรือเร็วไป ไม่เช่นนั้น น้ำมันจะเยิ้มล้น และอย่าคนเร็วไป เพื่อมิให้น้ำมันกับน้ำแป้งสุกแยกตัวจากกัน

อาหารบางอย่างไม่ต้องลงแป้งหรือลงแป้งไม่ได้ เช่น ผัดถั่วงอกที่ต้องให้สดกรอบ ขาหมูพะโล้ที่มีน้ำเหนียวอยู่แล้ว ปลาราดพริกที่มีน้ำตาลเคี่ยวเหนียวอยู่แล้ว และผัดเส้นมันฝรั่งที่มีแป้งมากอยู่แล้ว อาหารเหล่านี้ไม่ต้องลงแป้ง

การลงแป้งของอาหารแต่ละชนิดมีจุดประสงค์ต่างกัน เมื่อเข้าใจและทำตามนั้นได้ อาหารที่คุณทำเองก็ได้รูป สี กลิ่น รสอย่างที่คนกินต้องเอ่ยปากชมให้คุณภูมิใจ อิ่มใจและสุขใจกับฝีมือการครัวของคุณเอง
กระเพาะปลาน้ำแดงลงแป้งแบบโป๋เชี่ยนที่บางที่สุด ขอบคุณภาพจาก https://lingchun1980.tian.yam.com/posts/102407563



กำลังโหลดความคิดเห็น