โดย ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกุล
วันนี้ผู้เขียนจะขอบอกเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับบริษัทไอทีใหญ่ของจีน เพราะเท่าที่ทราบคนไทยจะรู้นักธุรกิจไอทีใหญ่อย่าง แจ็ค หม่า แห่งอาลีบาบาเป็นอย่างดี แต่ความจริงแล้วในประเทศจีนมีนักธุรกิจไอทีไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก อย่างเช่นที่วันนี้ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างผู้บุกเบิกเว็บไซต์ Baidu.com(百度) ซึ่งถือว่าเป็น “กูเกิลจีน” เป็นโปรแกรมสืบค้นข้อมูล หรือ เสิร์ชเอนจิน (Search Engine) เดียวที่คนจีนใช้มากที่สุด ในขณะที่คนไทยและทั่วโลกกล่าวว่าอยากรู้อะไรถามกูเกิล ส่วนคนจีนจะพูดว่า อยากรู้อะไรถามBaidu
ปัจจุบัน Baidu เป็นเว็บไซต์ภาษาจีนที่ใหญ่ที่สุด และเป็นเว็บค้นหาข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดของจีนตามที่กล่าวไปข้างต้น บริษัท ไป่ตู้ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2000 โดย นาย โรบิน หลี่ หรือชื่อจีน หลี่ หงเยี่ยน (李宏彦)ซึ่งเรียนจบและทำงานที่ซิลิคอนวัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกา ขณะนั้นเขาได้ละทิ้งเงินเดือนที่สูงลิบที่อเมริกาและกลับมาเริ่มธุรกิจในประเทศจีน ใช้เวลาเพียงห้าปีคือในปี 2005 Baidu ประสบความสำเร็จเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) ของสหรัฐฯโดยในวันแรกของการเข้าตลาดราคาหุ้นพุ่งสูงไปกว่าราคาเปิด 350% ถือว่าเป็นปรากฎการณ์หน้าใหม่ของบริษัทไอทีจีนที่ใช้เวลาก่อตั้งบริษัทอันสั้นเพียงแค่ห้าปี สามารถขึ้นตลาดหุ้นของอเมริกาได้
ปี 2011 - ปัจจุบัน ในช่วงหลังที่ผ่านมา Baidu มีผู้ใช้มากกว่า 90% ของผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตในจีน ต่อมาเริ่มเปิดบริการด้านบันเทิงดูหนังและทีวีผ่าน Baidu ได้รับรางวัลนวัตกรรมจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และในปี 2012 นายหลี่ เค่อเฉียงได้มาดูงานที่ไป่ตู้อีกครั้ง ต่อมาได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้วิจัยและพัฒนา และลงทุนเทคโอเวอร์บริษัทไอทีที่เติบโตใหม่อย่างมาก
ในปี 2014 มีการเปิดตัว Baidu Big Data และเริ่มขยายการเปิดใช้ไปสู่ต่างประเทศ ในช่วงนี้ Baidu มีการออกไปลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทย ภายในจีน Baidu Map ครองอันดับหนึ่งในตลาดของผู้ใช้ในจีนและช่วงปลายปี 2014 ได้ลงทุนในบริษัท Uber เริ่มการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ปี 2015 เป็นปีครบรอบ 15 ปีของการก่อตั้งบริษัท นาย หลี่ หงเยี่ยน ผู้ก่อตั้ง Baidu ได้ปราศรัยในงานฉลองครบรอบ 15 ปีบริษัทว่า “ต้องเชื่อมั่นในพลังของเทคโนโลยี” และได้เสนอแนวคิด “China Brain” ซึ่งทำให้การเทคโนโลยีพร้อมกับชีวิตคนจีนเจริญขึ้นไปอีกขั้น ในช่วงนี้ Baidu เริ่มที่จะควบรวมอินเทอร์เน็ตเข้ากับการธนาคาร Internet + Finance ร่วมมือกับธนาคารและบริษัทประกันภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นในการทำธุรกรรมต่างๆ ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา Baidu มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้าน Internet + Technology เช่น เครื่องมือการแปลอัจริยะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากรัฐบาลจีน อีกทั้งการตัดสินใจเดินออกไปคือ เปิดทีมงานนานาชาติเพื่อพัฒนา Baidu Map ให้ครอบคลุมทั้ง 150 ประเทศ
ในระดับโลก Baidu ติดอันดับบริษัทนวัตกรรม 1 ใน 50 บริษัท ซึ่งมีสิทธิบัตรมากกว่า 1,500 ฉบับ
นอกจากนี้ยังขยายขอบเขตธุรกิจไปยังการแพทย์คือการพัฒนาหุ่นยนต์เครื่องมือแพทย์ ในปี 2017 เริ่มมีกองทุน Baidu เพื่อระดมทุนจากประชาชนและก่อตั้งศูนย์ซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และในปัจจุบัน Baidu ได้วิจัยและพัฒนารถแบบไร้คนขับและหุ่นยนต์อัจฉริยะ Baidu มีสิทธิบัตรภายในประเทศมากกว่า 2,000 รายการ และต่างประเทศ 100 กว่ารายการ การมีเทคโนโลยีสิทธิบัตรช่วยให้ Baidu สามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
เครือข่ายธุรกิจบริษัท Baidu แตกแขนงครอบคลุมไปในภาคต่างๆหลากหลายอย่างเช่น เครือข่ายธุรกิจบริการมี 18 ประเภท เครือข่ายธุรกิจบริการสังคมมี 21 ประเภท เครือข่ายธุรกิจเกมส์มี 6 ประเภท เครือข่ายธุรกิจบริการแบบเคลื่อนย้าย 16 ประเภท เครือข่ายธุรกิจสำหรับนักพัฒนาและนายสถานี 25 ประเภท เครือข่ายธุรกิจบริการเครื่องมือซอฟแวร์ 10 ประเภท และเครือข่ายธุรกิจอื่นๆอีก 7 ประเภท จากธุรกิจที่ Baidu ทำนั้นมีหลายประเภททีเดียวและมีขอบเขตที่กว้างมากเพราะการให้บริการอินเตอร์เน็ตของ Baidu นั้นควบรวมได้กับอุตสาหกรรมและธุรกิจหลายประเภท และการที่ Baidu มีรัฐบาลจีนสนับสนุนอยู่นั้นทำให้บริษัทขยายตัวอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด
ผู้เขียนเองอยู่ที่จีนใช้ Baidu เป็นประจำ ในการเสิร์ชข้อมูลที่เป็นภาษาจีนก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรขาดเพราะข้อมูลต่างๆที่ต้องการเนื้อหาครอบคลุมและมีมากมาย แต่หากจะเข้าเว็บไซต์ต่างประเทศบางเว็บค่อนข้างจะยากลำบากอยู่เหมือนกัน ในมุมมองของประชาชนจีนเขาไม่ถือว่ามีอะไรขาดเพราะทั่วโลกมีอะไรใช้กัน ของจีนเองก็มีเช่นกัน และบางทีออฟชั่นต่างๆจะมากกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมไอทีของจีนจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมาก จีนต้องก้าวให้ทันโลกและโลกต้องรู้จักจีน การที่ต่างชาติจะเข้ามาในจีนก็ต้องยอมรับและปรับตัวกับสังคมและสิ่งแวดล้อมของจีนเช่นกัน
จากที่ผู้เขียนกล่าวไป นาย หลี่ หงเยี่ยน เป็นผู้ก่อตั้ง Baidu เว็บไซต์ใหญ่ที่สุดของจีน และติดอันดับโลกเป็นนักพัฒนาและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนนึงของจีน ผู้เขียนหวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ความรู้ไม่มากก็น้อยจากบทความชิ้นนี้ค่ะ