เซาธ์ไชน่า มอร์นิง โพสต์ – จำนวนเศรษฐีเงินล้านในฮ่องกงทะลุหลักหนึ่งล้านคนในปี 2560 ขณะที่ประชากรฮ่องกงทั้งหมดมี 7.36 ล้านคน โดยจำนวนเศรษฐีเงินล้านในฮ่องกงเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เทียบกับปีก่อนหน้าจากราคาอสังหาริมทรัพย์และหุ้นที่กำลังร้อนแรง
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมาซิตี้แบงก์เผยผลสำรวจระบุว่าในปี 2560 ที่ผ่านมาจำนวนเศรษฐีเงินล้านในฮ่องกงเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 15 จากปีก่อนหน้า โดยในจำนวนนี้ราว 68,000 คน มีสินทรัพย์มากกว่า 10 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือราว 40 ล้านบาทขณะที่ตัวเลขประชากรของฮ่องกงในปีที่แล้วนั้นอยู่ที่ราว 7.36 ล้านคน
คำนิยาม “เศรษฐีเงินล้าน” ของซิตี้แบงก์นั้นระบุว่า คือ ผู้ที่มีสินทรัพย์สภาพคล่อง (Liquid Assets) เช่น เงินฝาก เงินลงทุนในกองทุน ในหุ้น และพันธบัตรจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 4 ล้านบาท) ขึ้นไป โดยการสำรวจนั้นมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน 2560 โดยสำรวจชาวฮ่องกงจำนวน 4,139 คน และชาวจีนแผ่นดินใหญ่ 200 คน
สาเหตุที่จำนวนเศรษฐีเงินล้านชาวฮ่องกงเพิ่มขึ้นมากในรอบปีที่ผ่านมาก็อันเนื่องมาจากการเติบโตขึ้นของตลาดหลักทรัพย์และตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยในปี 2560 ดัชนีฮั่งเส็งนั้นปรับขึ้นถึงร้อยละ 36 ส่วนราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงก็เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14
“เมื่อมองไปข้างหน้า จำนวนเศรษฐีเงินล้านในฮ่องกงจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2561 เพราะแนวโน้มความเชื่อมั่นของตลาดหลักทรัพย์นั้นแข็งแกร่ง ส่วนราคาอสังหาฯ ก็จะขยับขึ้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นก็ตาม” ลอเรนซ์ ลัม หัวหน้าฝ่ายธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้แบงก์ฮ่องกงระบุ
ทั้งนี้สินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมในการลงทุนจากเศรษฐีชาวฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่มากที่สุดก็คือ อสังหาริมทรัพย์ โดยกว่าร้อยละ 70 ของสินทรัพย์ของเศรษฐีเหล่านี้อยู่ในอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่โดยเฉลี่ยแล้ว เศรษฐีชาวฮ่องกงจะมีอสังหาฯ อยู่คนละ 3.2 แห่ง ส่วนเศรษฐีจากแผ่นดินใหญ่จะมีเฉลี่ยคนละ 3.7 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเงินจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงอาจซื้ออะไรไม่ได้มากนักบนเกาะที่ราคาอสังหาฯ สูงลิ่วอย่างฮ่องกง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อพาร์ทเมนต์ขนาด 209 ตารางฟุต (ราว 19.4 ตารางเมตร) ในเขตป็อกฝู่ลัม (Pok Fu Lam) นั้นถูกจำหน่ายไปในราคม 37,651 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุต (ราว 150,000 บาทต่อตารางฟุต) โดยถือเป็นราคาอพาร์ทเมนต์ขนาดจิ๋วที่ทุบสถิติของฮ่องกงเลยทีเดียว
ผลสำรวจยังเผยด้วยว่า เศรษฐีชาวฮ่องกงนั้นเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในต่างแดนมากกว่าเศรษฐีชาวแผ่นดินใหญ่ โดยร้อยละ 1.3 ของเศรษฐีฮ่องกงมีอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ส่วนเศรษฐีแผ่นดินใหญ่เพียงร้อยละ 0.7 เท่านั้นที่มีมีอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ
ขณะที่หุ้นกับเงินสดนั้นเป็นสินทรัพย์ที่เศรษฐีเหล่านี้ถือครองอยู่ โดยเฉลี่ยแล้วเศรษฐีฮ่องกงมีสินทรัพย์เป็นเงินสดร้อยละ 14 ส่วนอีกร้อยละ 9 ลงทุนในหุ้น ขณะที่เศรษฐีแผ่นดินใหญ่โดยเฉลี่ยถือสินทรัพย์เป็นเงินสดร้อยละ 12 ส่วนอีกร้อยละ 7 เป็นหุ้น
เมื่อดูลึกไปถึงที่มาของความร่ำรวยของเศรษฐีจากสองฝั่ง ก็พบว่าเศรษฐีฮ่องกงร้อยละ 55 นั้นสั่งสมความร่ำรวยมากจากรายได้ที่เป็นเงินเดือน ส่วนเศรษฐีแผ่นดินใหญ่ร้อยละ 55 นั้นสั่งสมความร่ำรวยมาจากการเป็นเจ้าของกิจการ ขณะที่ส่วนที่เหลือมาจากการลงทุน และมรดกจากพ่อแม่
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสินทรัพย์มหาศาล แต่เศรษฐีชาวฮ่องกงส่วนใหญ่กลับไม่พอใจกับสภาพสิ่งแวดล้อม และระบบการศึกษาในปัจจุบันของฮ่องกง ส่วนเศรษฐีชาวแผ่นดินใหญ่นั้นเป็นห่วงเรื่องระบบสาธารณสุขมากที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงมีข้อมูลเปิดเผยออกมาด้วยว่า ร้อยละ 17 ของเศรษฐีชาวฮ่องกงวางแผนที่จะอพยพย้ายถิ่นไปยังต่างประเทศ ขณะที่เศรษฐีแผ่นดินใหญ่ร้อยละ 26 วางแผนจะหนีไปจากบ้านเกิด โดยจุดหลายเบอร์หนึ่งของคนเหล่านี้คือประเทศออสเตรเลีย
ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นด้วยว่า ในส่วนของการทำธุรกิจทางการเงิน เศรษฐีชาวฮ่องกงกลุ่มนี้ใช้บริการโมบายแบงก์กิง มากกว่าคนทั่วไปอย่างมากด้วย
