xs
xsm
sm
md
lg

การประชุมสองสภาตั้งเป้าและกำหนดเส้นทางสู่ “ยุคใหม่”

เผยแพร่:   โดย: สุรัตน์ ปรีชาธรรม

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวคำปราศรัยปิดการประชุมครั้งแรกของสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) หรือสภานิติบัญญัติ ที่ 13 ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2018 (ภาพ ซินหวา)
MGR ONLINE--การประชุมใหญ่แห่งเดือนมี.ค.ของจีน คือการประชุมสองสภา ได้แก่ สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน (Chinese People's Political Consultative Conference / CPPCC) และการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress /NPC) หรือสภานิติบัญญัติ ที่ดำเนินมากกว่าสองสัปดาห์ ได้ปิดม่านอย่างบริบูรณ์ในวันอังคาร (20 มี.ค.) ที่ผ่านมา

สำหรับการประชุมสองสภาปีนี้ นับเป็นครั้งหลักหมาย โดยบรรลุภารกิจครั้งประวัติศาสตร์ที่จะนำประเทศจีนสู่ “เที่ยวการเดินทางใหม่ สู่ยุคใหม่” ภายใต้การนำของผู้นำสูงสุด สี จิ้นผิง ที่ขณะนี้ได้รับสมญา “คนถือหางเสือเรือ” (掌舵者) ที่จะนำนาวารัฐมังกรสู่ การฟื้นฟูใหม่ที่ยิ่งใหญ่ (Great Rejuvenation) และความฝันจีนอันยิ่งใหญ่ ที่จะสร้างคุณูปการแก่ทั้งจีนเองและโลก

ภารกิจครั้งประวัติศาสตร์ ที่สมัชชาผู้แทนประชาชนได้บรรลุ และสร้างความฮือฮาแก่โลกคือ การรับรองการปรับแก้รัฐธรรมนูญ โดย “ยกเลิกมาตราจำกัดวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีไม่เกินสองสมัย” นั่นหมายถึงว่า สี จิ้นผิง จะสามารถกุมอำนาจใหญ่ไปตลอดชีพ โดยขณะนี้ สีได้ครองอำนาจใหญ่ 3 ตำแหน่ง คือ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์, ประธานาธิบดี และประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง

สีได้ดึงสหายสนิทมาเป็นรองประธานาธิบดี นั่นคือ หวัง ฉีซัน ที่ขึ้นชื่อเลื่องลือว่าเป็นมือปราบคอรัปชั่นที่น่าหวั่นกลัว และ “นักผจญเพลิง” ที่จะเป็นผู้สกัดศึกการค้ากับสหรัฐฯ

สภาเอ็นพีซีได้ปิดการประชุมด้วยการรับรองการปรับโครงสร้างหน่วยงานองค์กรในคณะรัฐบาล โดยตัดปลดป้ายหน่วยงานต่างๆออกเป็นกองพะเนิน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในงานบริหารปกครองแผ่นดินใหญ่ พร้อมกับจัดตั้งเครือข่ายคณะกรรมาธิการทั่วประเทศเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้กับงานปราบคอรัปชั่น

สิ่งสำคัญที่จะประกันความสำเร็จของภารกิจครั้งประวัติศาสตร์ของสี คือ การปรับแก้กฎหมายพื้นฐานที่สำคัญคือ การเทิดทูน “ความคิดสี จิ้นผิง ว่าด้วยสังคมนิยมแบบบุคลิกจีนสำหรับยุคใหม่” เพื่อเป็นหลักแนะแนวทางการฟื้นฟูใหม่และเรืองอำนาจของประเทศ

พร้อมกับรับรองการโยกย้ายวางหมากผู้นำในคณะมุขมนตรีหรือคณะรัฐบาลใหม่ แม้ผู้นำหลายคนเป็นหน้าเก่า ทว่า ก็นับเป็น “การจัดขบวนทัพ” ในองคาพยพการปกครองประเทศบริหารครั้งสำคัญเพื่อออกเดินทางสู่ “ยุคใหม่”

“การฟื้นฟูใหม่” และ “สองความฝันจีน” คือการสร้างสังคมกินดีอยู่ดีถ้วนหน้าในปี 2020 ในวาระครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในกลางศตวรรษที่ 21 นี้ ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 100 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นหลักชัยของ “ความฝันจีน” โดยได้ตั้งเป้าก่อนถึงหลักชัยว่า จะบรรลุการสร้างพื้นฐาน “การสร้างชาติสังคมนิยมที่ทันสมัย” (socialist modernization) ในปี 2035

“มันจะเป็น “การเดินทัพทางไกล” เพื่อที่จะบรรลุเป้า “การฟื้นฟูใหม่” ในพิมพ์เขียวที่ร่างไว้” ประธานาธิบดี สี กล่าว

จีนจะบรรลุหลักชัย “ความฝันจีน” กันอย่างไรนั้น อาจแลเห็นได้จากคำปราศรัยของ“คนถือหางเสือ” สี จิ้นผิง ที่กล่าวปิดม่านการประชุมสองสภาในวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา
ในภาพป้ายของหน่วยงานรัฐที่ถูกปิดไป ทั้งนี้สภาเอ็นพีซีรับรองการปรับโครงสร้างหน่วยงานในคณะรัฐบาล โดยตัดปลดป้ายหน่วยงานต่างๆออกเป็นกองพะเนิน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในงานบริหารปกครองแผ่นดินใหญ่ (ภาพ ซินหวา)
ผู้เขียนขอหยิบยก สารัตถะสำคัญๆ ดังนี้

-ประชาชนคือผู้สร้างประวัติศาสตร์ และวีรบุรุษตัวจริง
สี จิ้นผิง เทิดทูนประชาชนเป็นพลังจิตวิญญาณสูงสุดของการต่อสู้

“ประชาชนเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์และเป็นวีรบุรุษตัวจริง ความมานะบากบั่นของประชาชนได้นำไปสู่การเปลี่ยนถ่ายครั้งประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน จากยุค “ยืนได้มั่น” สู่ยุค “เติบโตมั่งคั่ง” และกำลังเดินทางสู่ยุค “ผงาดแข็งแกร่ง” (站起来,富起来, 强起来) ทั้งนี้ “ยืนได้มั่น” คือยุคเหมา เจ๋อตง “เติบโตมั่งคั่ง” คือยุคปฏิรูปเศรษฐกิจจากยุคเติ้ง เสี่ยวผิง และ “กำลังจะผงาดแข็งแกร่ง” จะสำเร็จในยุค สี จิ้นผิง

-พรรคครองอำนาจการนำสูงที่สุด
“พรรคฯครองอำนาจสูงที่สุดในการนำทางการเมือง และเป็นหลักประกันพื้นฐานของการฟื้นฟูใหม่ของประชาชาติจีน”

สีชี้ว่า การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือซีพีซี อธิบายลักษณะสังคมนิยมบุคลิกจีน สมาชิกซีพีซีทุกคนจะต้องแบกรับความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ ที่จะนำประชาชนสู่การปฏิวัติทางสังคมที่ยิ่งใหญ่

ขณะเดียวกัน พรรคฯต้องกล้าหาญที่จะปฏิรูปตัวเอง ยึดถือคำสัญญาของพรรคฯ ในการรับใช้สาธารณะ บริหารอำนาจเพื่อผลประโยชน์ประชาชน เคร่งครัดธรรมาภิบาลพรรคฯ ขจัดคอรัปชั่นอย่างเด็ดขาด

ซีพีซี เป็นกระดูกสันหลังของประชาชนจีนและประชาชาติจีน จะต่อสู้อุปสรรคนานา เคียงข้างประชาชน ขอให้พรรคการเมืองทุกพรรค องค์กรประชาชนทั้งหมด ชนชาติส่วนน้อยทุกเผ่า และประชาชน 1,300 ล้านคน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการสนับสนุนพรรคฯ

-มีเพียง “สังคมนิยมแบบจีน” เท่านั้น ที่จะนำไปสู่การฟื้นฟูชาติ
สีกล่าวว่า มีเพียงการยึดถือและพัฒนาลัทธิสังคมนิยมแบบบุคลิกจีนเท่านั้น ที่สามารถพาประเทศสู่การฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่

สีเปรียบกระบวนการที่จะบรรลุแผนตามพิมพ์เขียวเป็น “การเดินทัพทางไกลอีกครั้ง” พร้อมกับเตือนการพอใจอยู่กับสภาพเดิมที่เป็นอยู่ (status quo) หลงเคลิ้มไปกับความสุขสบายส่วนบุคคล หรือปล่อยให้ความสนุกสนานกลบเลื่อนความวิตกกังวล

ขณะนี้จีนได้พัฒนามาถึงทางแพร่งประวัติศาสตร์ ที่จะต้องต่อสู้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งหลักในสังคม ด้วยการพัฒนาสังคมนิยมบุคลิกจีน และบรรลุจิตวิญญาณสมัชชาใหญ่พรรคฯที่ 19

สีให้คำมั่นยังคงยึดถือหลักการลัทธิมากซ์-ลัทธิเลนิน , ความคิดเหมา เจ๋อตง, หลักทฤษฎีเติ้ง เสี่ยวผิง, หลักทฤษฎีสามตัวแทน, ทัศนะการพัฒนาแบบวิทยาศาสตร์ และความคิดสังคมนิยมบุคลิกจีนสำหรับยุคใหม่

สีเรียกร้องทุกคนให้มั่นคงในแรงบันดาลใจดั้งเดิม เดินหน้าภารกิจ จนบรรลุถึงความสำเร็จ
กลุ่มผู้แทนจากทุกมณฑลเขตแคว้นในแผ่นดินจีน ตลอดจนผู้นำ/เจ้าหน้าที่กองทัพ รวมทั้งสิ้นเกือบ 3000 คน ในพิธีปิดการประชุมครั้งแรกของสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) หรือสภานิติบัญญัติ ที่ 13 ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2018 (ภาพ ซินหวา)
-การพัฒนาจีน ไม่ใช่ภัยคุกคามผู้ใด
“จีนไม่เคยแสวงหาอำนาจจ้าวโลก ขยายอำนาจครอบครองดินแดนอื่น

“จีนไม่เคยเป็นภัยคุกคามต่อโลก

“มีแต่พวกที่มักคุกคามผู้อื่น จะเห็นทุกคนเป็นภัยคุกคาม” สีกล่าวโดยที่มิได้อ้างอิงถึงประเทศใดเป็นการเฉพาะ

จีนยังคงเข้าร่วมการปฏิรูปธรรมาภิบาลโลก สร้างโลกที่ปลอดภัย หลอมรวม และสะอาดขึ้น

“ความปรารถนาดี จริงใจ ทำในสิ่งที่ปฏิบัติได้จริงของประชาชนชาวจีน เพื่ออุทิศให้แก่สันติภาพ และการพัฒนามนุษยชาติ จะต้องไม่ถูกตีความไปในทางที่ผิดๆ หรือบิดเบือน”

-ลัทธิแบ่งแยกดินแดนจะพ่ายแพ้แน่นอน
สีกล่าวว่า “การกระทำใด เล่ห์อุบายใด ที่จะแบ่งแยกจีน จะต้องถูกประณามจากประชาชน และถูกลงโทษจากประวัติศาสตร์”

“ประชาชนชาวจีนจะไม่มีวันยอมให้ดินแดนทุกตารางนิ้วของประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเรา ถูกแบ่งแยกออกไปอย่างเด็ดขาด”

ร่วมแบ่งปันความรุ่งโรจน์แก่โลก
สำหรับโลกแล้ว จีนได้พัฒนาผลประโยชน์ร่วม ปัจจุบันจีนมีประชากรที่มีรายได้ปานกลาง ประมาณ 400 ล้านคน เป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่สำหรับกลุ่มบริษัทต่างประเทศ ชาวจีนที่มีกำลังซื้อมากขึ้น พร้อมที่จะจับจ่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ทั้งบริการ และสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ กระตุ้นการนำเข้า และเป็นนักท่องโลก

ในปีนี้ จีนได้เปิดกว้างภาคการผลิตทั่วไปอย่างสมบูรณ์ให้แก่นักลงทุนต่างชาติ ขณะเดียวกัน การเข้าสู่ตลาดในภาคอื่นๆ ได้แก่ โทรคมนาคม ภาคบริการการแพทย์ การศึกษา การดูแลผู้สูงอายุ และพาหนะพลังงานใหม่ ก็กำลังอยู่ในขั้นขยับขยายเพื่อให้นักลงทุนต่างแดนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

การพัฒนาความริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” จะขยายเส้นทางถนนและรถไฟเพื่อกระตุ้นการแลกเปลี่ยนระหว่างพรมแดนในหลากหลายด้านมากขึ้น สร้างแหล่งปัจจัยใหม่ๆที่จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลก และแบ่งปันความรุ่งโรจน์ร่วมกัน

เป็นที่คาดว่าในปีนี้จีนจะเปิดตลาดมากขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 40 ปีของการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศ




กำลังโหลดความคิดเห็น