ไชน่าเดลี (9 มี.ค.) - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายหวังอี้ กล่าวว่าจีนไม่ต้องการหรือมีเจตนาที่จะเข้ามรับบทบาทแทนที่สหรัฐฯ ในระดับนานาชาติ และเขาเตือนว่าหากสหรัฐฯ เล่นสงครามการค้า จะเผชิญการต่อต้านรุนแรง
หวังอี้ กล่าวแสดงความคิดเห็นในการแถลงข่าว ช่วงประชุมประจำปี สมัชชาผู้แทนประชาชนจีน (เอ็นพีซี) ท่ามกลางความกังวลทั่วโลกเกี่ยวกับการสืบสวนการค้าและการลงโทษทางการค้าของวอชิงตัน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัปม์ เตือนเมื่อเดือนที่แล้วว่า สหรัฐฯจะใช้ "เครื่องมือที่มีอยู่ทั้งหมด" เพื่อป้องกันไม่ให้รูปแบบทางเศรษฐกิจของจีนทำลายล้างการแข่งขันทางเศรษฐกิจโลก
หวังอี้ กล่าวว่าบทเรียนในประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการทำสงครามการค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคโลกาภิวัตน์นี้ เป็น "วิธีการที่ไม่ถูกต้อง" และจะทำให้เกิดผลย้อนสะท้อนกลับ เช่นเดียวกับการทำร้ายผู้อื่น "จีนย่อมมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่จำเป็นและถูกต้อง" ในกรณีของสงครามการค้า
"ในฐานะที่เป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด อันดับหนึ่งและอันดับสองของโลก ทั้งสองประเทศควรแบกรับความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งสองประเทศและประเทศอื่นๆ" หวังอี้ กล่าว และเสริมฯ ว่า
"ทั้งสองฝ่ายจะสามารถนั่งหารือ และหาทางออกได้ ด้วยการเจรจาที่สร้างสรรค์อย่างเท่าเทียมกัน"
ด้านความสัมพันธ์จีน - สหรัฐฯโดยรวม หวังกล่าวว่าอาจมีการแข่งขันระหว่างประเทศ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่แข่งและควรเป็นคู่ค้าแทน
"บางคนกล่าวหาว่าจีนจะเข้ามาแทนที่บทบาทของสหรัฐฯ ในโลก ข้อสรุปนี้ผิดพลาด" นายหวัง กล่าว
ในการแถลงข่าวนักการทูตอาวุโส ยังได้พูดถึงความพยายามล่าสุด ของสื่อมวลชนที่พุ่งเป้าจีน กล่าวหาว่าจีนในอำนาจกับส่วนต่างๆ ของโลก
"สื่อฯ ฝั่งตะวันตก ได้แสดงความคิดเห็นและการคาดการณ์ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งเน้นแต่ความพังทลายล่มจม หรือภัยคุกคามของจีน
"ทฤษฎีล่มจีน" กลายเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะไปทั่วโลก ในขณะที่ทฤษฎี 'จีนคือภัยคุกคาม' ก็ค่อยๆ เงียบเสียงไป
"ความเห็นล่าสุดของความคิดเห็น ที่กล่าวอ้างถึงภัยคุกคามของจีนนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะข้อเท็จจริงมีประจักษ์อยู่แล้ว ว่าประเทศจีนมีส่วนร่วมมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ต่อปีของการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก และเป็นประเทศที่มีสัดส่วนมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของความพยายามในการบรรเทาความยากจนทั่วโลก" หวังฯ กล่าว
นายหวัง อี้ ได้แถลงสรุปเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของจีนและตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นด้านการทูตที่หลากหลายอื่นๆ ให้กับนักข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า
มุ่งสร้างความสัมพันธ์จีน - สหภาพยุโรป แข็งแกร่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หวังอี้ กล่าวว่าเขาหวังว่าความสัมพันธ์จีน - สหภาพยุโรป จะเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้
"จีนและสหภาพยุโรปมีส่วนรับผิดชอบในการปกป้องระบบการค้าเสรีของโลก และจำเป็นที่จะต้องเร่งเจรจาเพื่อสรุปข้อตกลงการลงทุนของจีนและสหภาพยุโรป" เขากล่าว
"แม้มีบางประเด็นที่จีนและสหภาพยุโรป มีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างตระหนักดีว่า จำเป็นต้องเข้าใจกันและกันและเปิดกว้าง มีอดทน"
จีน-ญี่ปุ่น เป็นพันธมิตร ไม่ใช่ภัยคุกคาม
หวัง อี้ กล่าวว่าญี่ปุ่นควรมีความเข้าใจทางการเมืองอย่างจริงจังว่า "จีนและญี่ปุ่น เป็นพันธมิตรไม่ใช่ภัยคุกคาม"
"จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับญี่ปุ่นเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับการเติบโตที่มั่นคง ยอมรับและยินดีต้อนรับการพัฒนาของจีน ซึ่งปีนี้นับเป็นวันครบรอบ 40 ปีของการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพและความร่วมมือจีน - ญี่ปุ่น"
"อย่าลืมว่าทำไมสนธิสัญญาสันติภาพและความร่วมมือจีน - ญี่ปุ่น จึงเกิดขึ้น และในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ เราขอให้ญี่ปุ่นมีความเชื่อถือทางการเมือง และสร้างรากฐานความสัมพันธ์ทางการเมืองกับจีน" นายหวังอี้ กล่าวฯ
จีนมุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของทะเลจีนใต้
หวังอี้ กล่าวว่าจีนมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะรักษาสันติภาพและความมั่นคงในทะเลจีนใต้ ซึ่งจุดยืนของจีนนี้มีความมั่นคงไม่เปลี่ยน
"จีนได้ดำเนินนโยบายตามแนวทางที่มีความรับผิดชอบต่อปัญหาทะเลจีนใต้ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชนจีน ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์สันติภาพในภูมิภาค และหลักกฎหมายระหว่างประเทศ"
จีนปรับยุทธศาสตร์การเป็นหุ้นส่วนกับอาเซียน
"จีนจะยกระดับการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และสร้างอนาคตร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับชุมชนอาเซียน โดยจีนจะยังคงให้ความร่วมมือกับอาเซียน ในวาระการประชุมความร่วมมือระหว่างประเทศในปีนี้อย่างต่อเนื่อง"
เมื่อกล่าวถึงเป้าหมายของกระทรวงต่างประเทศจีน ในปีพ.ศ. 2561 นายหวังอี้ กล่าวว่ากระทรวงฯ จะมีบทบาทอย่างแข็งขันในการอำนวยความสะดวกในการพัฒนาประเทศ เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับจีน และปกป้องผลประโยชน์ในต่างประเทศของจีน
นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศยังมีส่วนร่วมในการลดความยากจนและมีส่วนร่วมในการปฏิรูปและนโยบายการเปิดเสรี โดยทุกคนจะได้รับประโยชน์จากโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งทาง
"โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งทาง เป็นโครงการเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายฯ และเป็นไปตามกฎระหว่างประเทศ โดยเป็นเวทีสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ ดังนั้นหลักการดังกล่าวจึงเป็นไปตามหลักการตลาดเสรี"
หวัง กล่าวตอบคำถามที่ชาวตะวันตกบางคนสงสัยว่า โครงการดังกล่าว จะมีความโปร่งใสและสอดคล้องกับกฎระเบียบระหว่างประเทศหรือไม่
"มันเป็นความคิดริเริ่มที่โปร่งใส เปิดตัวโดยประเทศจีน เป็นไปตามกฎของการปรึกษาหารือร่วมกัน การมีส่วนร่วมและผลประโยชน์ร่วมกัน" นายหวัง กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มีความเสมอภาค รวมทั้งเป็นประโยชน์อย่างทั่วถึง
"ไม่มีประเทศที่มีอำนาจเหนือกระบวนการ ทุกฝ่ายมีความเท่าเทียมกัน ไม่มีข้อตกลงด้านหลังห้อง ทุกอย่างโปร่งใส ไม่มีผู้ชนะกินรวบ มีแต่ผลชนะร่วมกัน" นายหวัง กล่าวฯ และเสริมว่า มีโครงการจำนวนมากที่ดำเนินการภายใต้โครงการนี้ อันเป็นการ "เพิ่มแรงกระตุ้นที่จำเป็นกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเจ้าบ้าน"
หวังอี้ อ้างถึงตัวอย่าง สถานีพลังงานนับสิบแห่ง ได้ถูกสร้างขึ้นในปากีสถานเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และ บริษัทของจีนซื้อโรงถลุงเหล็กของประเทศเซอร์เบีย โดยกลับมาเปิดใช้งานภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี และสามารถสร้างแรงงานในท้องถิ่นได้มากกว่า 5,000 ตำแหน่ง
"เราขอเสนอแนวคิดอย่างจริงใจจากทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันสร้างความสำเร็จในโครงการหนึ่งแถบ หนึ่งทาง" นายหวัง กล่าว "เป้าหมายของเราคือไม่เพียงแต่ช่วยเสริมโครงสร้างการเชื่อมโยงทางกายภาพของโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างสถาบัน, กฎเกณฑ์และมาตรฐาน"
โครงการริเริ่มนี้ต้องมีมาตรฐานสูงมีคุณภาพสูง ตลอดจนผลการดำเนินงานที่มุ่งเน้นประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ใช่เพียงเป็นประโยชน์ต่อประเทศจีน แต่เป็นประโยชน์กับประชาคมโลก
"จีนไม่ใช่ภัยคุกคาม"
หวังอี้ กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่ "ทฤษฎีภัยคุกคามจีน" จะหมดไปจากความคิดของเพื่อนบ้าน ซึ่งผู้ที่ไม่ได้มีอคติ หรือปฏิบัติตามมาตรฐานแบบทวิภาคี จะเห็นได้ว่าประเทศจีนไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นมิตรโอกาสร่วมกัน