กลุ่มสื่อต่างชาติอ้างรายงาน (2 มี.ค.) เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารธุรกิจที่ทำเนียบขาวและประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า สงครามการค้าเป็นเรื่องที่ดีและเอาชนะได้ไม่ยาก หลังกระแสข่าวการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมฉุดดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงหนัก
วันศุกร์ (2 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้หารือในเรื่องดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ โดยโฆษกทำเนียบขาวระบุว่าได้ชี้แจงกับจีนอย่างตรงไปตรงมา ถึงปัญหาการขาดดุลการค้า และอุปสรรคที่ไม่เป็นธรรมของบริษัทสหรัฐฯ ที่ทำการค้ากับจีน
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า นายหลิว เหอ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการการเงินและเศรษฐกิจจีนได้หารือกับนายสตีเวน มนูชิน (Steven Mnuchin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ นายแกรี โคห์น (Gary Cohn) ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว และนายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ (Robert Lighthizer) ผู้แทนการค้าสหรัฐ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดด้านเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคีเพื่อสร้างโอกาสสำหรับความร่วมมือในอนาคต
ในขณะที่หุ้นส่วนการค้าอื่นของสหรัฐฯ ต่างแสดงท่าทีไม่พอใจต่อนโยบายของสหรัฐฯ และกำลังหามาตรการโต้ตอบ เช่น คณะกรรมาธิการยุโรป กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โดยสื่อคาดว่าอาจมีการตั้งกำแพงภาษีในอัตราสูงสุดร้อยละ 25 ในสินค้าหลายรายการครอบคลุมสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมรวมถึงเหล็ก ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 109,900 ล้านบาท ที่สหรัฐฯ ส่งออกมาจำหน่ายในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)