โดย ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกุล
วันนี้ผู้เขียนจะขอหยิบยกประเด็นร้อนของในประเทศจีนประเด็นหนึ่ง ในมุมมองของชีวิตคนทั่วไป ประเด็นนี้มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางและเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นประเด็นปัญหาชีวิตที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประชาชนทุกหย่อมหญ้านั่นคือ “การแต่งงาน” ผู้เขียนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา เนื่องจากคนจีนมีทัศนคติที่น่าสนใจและค่อนข้างแตกต่างออกไปจากเมืองไทย เนื่องด้วย Culture & Nature ค่านิยมต่างๆในสังคมต่าง
จีนนั้นมีพื้นที่กว้างขวางและมีหลายมณฑลควบรวมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นค่านิยมและคำนิยามของการแต่งงานก็แตกต่างกันออกไปอีก ในปัจจุบันประเทศจีนมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ กินดีอยู่ดี มีเงินจับจ่ายใช้สอย กอปรกับรัฐบาลมีการลงทุนด้านต่างๆอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนจากการแบ่งให้โดยรัฐบาลกลายเป็นเปิดให้ซื้อขายกันได้อย่างเสรี คนจีนนั้นมีความเป็นอยู่ดี มีวัตถุปัจจัยต่างๆที่มากกว่าปัจจัยจำเป็นในการดำรงชีวิตเหมือนในอดีต แน่นอนว่าความต้องการของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะในแง่ของความต้องการของวัตถุ
จากที่เกริ่นมาข้างต้นผู้เขียนจะเล่าสู่กันฟัง ในแง่มุมที่เกี่ยวกับการหาคู่ครองและการแต่งงานของคนจีนในปัจจุบัน ความเปลี่ยนแปลงทางความคิดต่างๆ เกิดจากการเจริญทางวัตถุนั่นเอง ผู้เขียนเชื่อว่าทุกวันนี้คงน้อยมากๆ ที่จะมีผู้หญิงยอมกัดก้อนเกลือกินส่วนใหญ่จะหาคู่ครองที่เทียบเท่าหรือดีกว่าตัวเอง อย่างไรก็ดีทัศนะคติของสาวจีนเกิดจากปัจจัยผสมผสานกัน เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อที่สืบต่อกันมาของครอบครัวคนจีนคือต้องมีลูกชายเพื่อเป็นเกียรติและสืบสกุลต่อไป กอปรกับการทำแท้งเสรีของคนจีนและนโยบายที่ให้มีลูกได้แค่คนเดียวของจีนที่ดำเนินมาหลายสิบปี นโยบายที่ให้มีลูกได้สองคนเพิ่งจะเริ่มเมื่อ1-2ปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลตระหนักถึงปัญหาของโครงสร้างประชากรในอนาคต
จากปัจจัยต่างๆเหล่านี้ทำให้ทุกวันนี้ประชากรชายหญิงของจีนไม่สมดุล โดยเฉพาะวัยทำงานรุ่น Gen Y, Gen X ทุกวันนี้ประชากรชายมีมากกว่าประชากรหญิงประมาณ 30 ล้านคน ผู้หญิงจากชนบทที่เข้าไปทำงานในเมือง ก็จะต้องหาผู้ชายที่ฐานะดีกว่าตัวเองและจะไม่กลับชนบทไปหาคู่ ส่วนชายที่อยู่ชนบทและไม่ได้เข้ามาทำงานในเมืองก็ยากที่จะหาคู่ในชนบท ปัจจุบันชายชนบทจำนวนมากจึงหาคู่ไม่ได้ จำนวนหนึ่งถึงขนาดต้องไปใช้บริการบริษัทจัดหาคู่หาผู้หญิงจากเวียดนามหรือประเทศอื่นๆเพื่อมาแต่งงานและมีลูก
สำหรับผู้หญิงจีนต้องการหาสิ่งที่ดีกว่า เป็นที่มาของทัศนะคติการหาคู่และการแต่งงานของผู้หญิงจีนในปัจจุบันคือ “ต้องมีบ้านมีรถ” บ้านนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด หากผู้ชายไม่มีบ้านสำหรับเป็นเรือนหอนั้นจะยากมากที่จะหาคู่ครองเพื่อแต่งงาน มุมมองโดยทั่วไปของการหาคู่ครองแบ่งชายหญิงออกเป็น 4 ระดับ โดยระดับที่หนึ่งคือดีที่สุด กล่าวคือ “ชายระดับที่หนึ่งหาผู้หญิงระดับที่สอง ผู้ชายระดับที่สองหาผู้หญิงระดับที่สาม สุดท้ายผู้ชายระดับที่สามหาผู้หญิงระดับที่สี่ ดังนั้นคงเหลือผู้หญิงระดับที่หนึ่งกับผู้ชายระดับที่สี่”
จากคำกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า ผู้หญิงที่อยู่ในระดับที่หนึ่งคือพวกที่มีการศึกษาดี การงานดี จะหาคู่ครองที่เหมาะสมได้ยาก กอปรกับพวกเธอก็ต้องการหาผู้ชายอายุมากกว่าที่ฐานะและความสามารถดีกว่าตัวเอง ส่วนผู้ชายที่อยู่ในระดับที่สี่ก็หาคู่ไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากที่จะแต่งงานด้วย ผู้เขียนคิดว่าปัญหานี้เป็นปัญหาโลกแตกและคิดว่ามุมมองการหาคู่ครองของคนไทยในปัจจุบันก็เป็นแบบนี้เช่นกัน แต่ว่าทำไมดูเหมือนว่าคนจีนให้ความสำคัญกับการหาคู่แต่งงานและการมีลูกมากขนาดนี้ จากการที่ผู้เขียนได้สัมผัสกับคนจีนรุ่น Gen X, GenY เห็นว่าวัฒนธรรมและความเชื่อมีผลอย่างมาก คนจีนเชื่อว่าชีวิตที่สมบูรณ์ คือการแต่งงานมีครอบครัวและมีลูกสืบสกุล หากคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากรีบแต่งงานหรือยังไม่มีแฟน ทั้งพ่อและแม่ ญาติพี่น้องของคนเหล่านี้จะเร่งรัดเป็นอย่างมาก ในจีนจะมีสถานที่พบปะของคนเฒ่าคนแก่ คุณลุง อาซิ้มที่ต้องการหาคู่ให้ลูกหลาน แต่ละคนจะเอาประวัติ/คุณสมบัติของลูกหลานตัวเอง มาติดประกาศ เพื่อหาคนที่เหมาะสมให้แก่ลูกหลานของตนเอง
จะเห็นว่าการหาคู่และการแต่งงานของคนจีนปัจจุบันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะคนวัยทำงานในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เป็นต้น แล้วคนที่มีคู่มีแฟนแล้วต้องการแต่งงานจะยากหรือง่าย? ผู้เขียนเห็นมามากที่คู่รักคนจีนเมื่อถึงตอนจะแต่งงานกลับเลิกกันซะงั้น หลายคู่มาเรือล่มเอาตอนผู้ใหญ่คุยเรื่องเงื่อนไขการแต่งงานที่ไม่ลงตรงกันเช่นฝ่ายหญิงตอนการเรียกเงินสินสอดที่มากเกินไป เรียกร้องฝ่ายชายให้ซื้อบ้านก่อนแต่งงานโดยต้องเขียนชื่อฝ่ายหญิงเป็นเจ้าของร่วมด้วย ฝ่ายชายที่ฐานะไม่ดี ก็ต้องถอยหรือเกิดการทะเลาะกัน จนต้องเลิกลากันไป
ในสังคมจีนปัจจุบันหากไปถามคนวัยทำงานหรือเด็กรุ่นใหม่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เหนื่อยและกดดัน ที่ผู้เขียนเล่าสู่กันฟังข้างต้นเกี่ยวกับการหาคู่ครองและการแต่งงานไม่ง่ายแล้ว หลังจากแต่งงานกันไปแล้วยิ่งยากกว่า เพราะต้องมีครอบครัว พ่อแม่ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง ทีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนแล้ว คนจีนที่เกิดในยุคปี 80-90 ทุกวันนี้ก็อายุ 20 - 30 กว่าปี เป็นลูกคนเดียวของครอบครัวกันหมด ดังนั้นเมื่อคนกลุ่มนี้แต่งงานมีลูกไป นอกจากต้องดูแลบุตรแล้ว ยังต้องดูแลคนแก่ข้างหลังอีก 4 คน(พ่อแม่ของทั้งฝ่ายชายและหญิง) นอกจากนี้หลังแต่งงานอาจจะมีภาระอื่นๆตามมาอย่างเช่น การซื้อบ้าน ซื้อรถ เป็นต้น
ผู้เขียนคิดว่าสังคมเมืองไทยเราค่อนข้างเปิดกว้างและเสรีกว่า คนไทยในช่วงวัยรุ่นวัยทำงานไม่ค่อยจะได้รับความกดดันจากครอบครัวมากนักในด้านการหาคู่ครองและจำเป็นต้องแต่งงาน และมีผู้หญิงไทยจำนวนมากที่เลือกอยู่เป็นโสดหากว่าเลือกชายที่เหมาะสมและถูกใจไม่ได้ ปรากฎการณ์เหล่านี้เกิดจากการที่ความเจริญรุ่งเรืองของเศรษฐกิจและสังคมสมัยใหม่ ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นในสังคม ผู้หญิงในเมืองส่วนใหญ่ทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้มีอิสระ เพราะฉะนั้นทางเลือกในชีวิตก็มีมากขึ้น กับสังคมที่เปิดกว้างอย่างในปัจจุบัน ความสุขความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่แค่การแต่งงานมีครอบครัว แต่มีเป้าหมายที่ต่างกันออกไป
สำหรับคนจีนในเมืองใหญ่ อย่างเช่นในปักกิ่งแต่งงานค่อนข้างช้าหรืออาจจะไม่แต่งเลยเพราะจังหวะการใช้ชีวิตและแนวคิดที่เปลี่ยนไปจากอดีต จากการได้รับศึกษามากขึ้นมีเงินมีปัจจัยต่างๆมากขึ้น แนวคิดและความต้องการในการชีวิตก็เปลี่ยนไป คนจีนกลุ่มนี้ก็จะมีใจรักอิสระและไม่ฟังเสียงเรียกร้องจากที่บ้าน ดำเนินชีวิตไปอย่างแบบที่ตัวเองต้องการ
ตามยุคตามสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป คนจีนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดรรชนีของความสำเร็จและความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตคือ “เงินและทรัพย์สิน” การแต่งงานมีคู่ครองของคนจีน ส่วนใหญ่ใช้เงินและทรัพย์สินมาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกคู่แต่งงาน ที่จีนมีคำกล่าวที่ว่า “门当户对” หมายถึงคู่ครองที่บ้านทั้งสองเหมาะสมกันและฐานะเท่าเทียมกัน
ผู้เขียนคิดว่าชีวิตคนเราทุกคนสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือค้นพบความสุขในใจของตัวเองและอยู่กับคนที่ตัวเองรัก ค้นหาให้เจอว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริงของชีวิต ครั้งนี้ได้บอกเล่าสู่กันฟังถึงทัศนะคติการแต่งงานของคนจีนยุคใหม่ในปัจจุบัน ผู้เขียนหวังว่าจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจบ้างไม่มากก็น้อย