เอเจนซีส์--จีนบรรลุความคืบหน้าก้าวใหญ่ในประวัติศาสตร์การอนุรักษ์ช้าง โดยกฎหมายห้ามการแปรรูปและการค้าผลิตภัณฑ์งาช้างทุกรูปแบบในแผ่นดินใหญ่ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมา
“ในที่สุด วันแห่งประวัติศาสตร์ในการปกป้องสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์อย่างช้างแอฟริกา ก็ได้มาถึง การห้ามผลิตภัณฑ์งาช้างจะช่วยยุติการลักลอบสังหารช้างแอฟริกัน และหยุดกระแสประชากรช้างแอฟริกันที่กำลังลดลงเรื่อยๆ” โจว เฟย หัวหน้า TRAFFIC China และโครงการค้าสัตว์ป่า ของกองทุนคุ้มครองสัตว์ป่าโลกในจีน (Wildlife Trade Programme of WWF China) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวซินหวา
“ปี 2018 เป็นปีแห่งความหวัง ที่เหล่าช้างจะอยู่อย่างปลอดภัยมากขึ้น เพราะการที่จีนห้ามการค้างาช้าง จะช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายในประเทศต่างๆในแอฟริกาและเอเชีย มีประสิทธิภาพมากขึ้น” ปีเตอร์ ไนท์ ซีอีโอ ของ WildAid กล่าว
ทั้งนี้งาช้างเป็นเครื่องแสดงสถานภาพในวัฒนธรรมจีน จึงเป็นที่นิยมของชาวจีน แดนมังกรกลายเป็น 1 ในตลาดค้างาช้างแอฟริกาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หลายปีที่ผ่านมาจีนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าความต้องการงาช้างในประเทศ เป็นปัจจัยกระตุ้นการลักลอบไล่ล่าช้างแอฟริกา เช่น เคนยา และแทนซาเนีย โดยมีรายงานประมาณว่า ในแต่ละปี มีช้างราว 30,000 ตัว ถูกไล่ล่าสังหาร
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2015 จีนได้ประกาศห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์แกะสลักจากงาช้างเป็นเวลา 1 ปี และได้ขยายการนำเข้าฯนี้มาถึงปัจจุบัน ในวันที่ 31 ธ.ค. 2016 จีนประกาศจะยุติการค้างาช้างภายในประเทศอย่างสิ้นเชิงภายใน 1 ปี และในเดือนมี.ค.ปีที่ผ่านมา โรงงานและร้านค้าผลิตภัณฑ์งาช้าง 67 แห่ง ถูกปิด และอีก 105 แห่ง ถูกปิดไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.
“จีนได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แก่ชาวโลก และสร้างความหวังแก่อนาคตของช้าง” Ginette Hemley รองประธานอาวุโสเพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าประจำกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) กล่าวเมื่อวันเสาร์(30 ธ.ค.)
หลังจากที่จีนประกาศห้ามงาช้าง ราคางาช้างดิ่งเหวจาก ราว 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อกิโลกรัม เหลือ 500 ดอลลาร์ ต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม กฎหมายห้ามนำเข้าและค้างาช้างในจีน ไม่ครอบคลุมถึงฮ่องกง การค้างาช้างยังคงดำเนินต่อไปได้ในฮ่องกงอย่างน้อย 5 ปี อย่างไรก็ตาม ไนท์เชื่อว่า การค้างาช้างในฮ่องกงจะไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อน
“กฎหมายห้ามงาช้างในแผ่นดินใหญ่ กระทบถึงฮ่องกง ผู้คนสามารถลักลอบนำเข้างาช้างไม่กี่ชิ้นสำหรับการใช้สอยส่วนตัว แต่พวกเขารู้ดีว่าไม่อาจนำไปขายต่อได้ในจีนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และก็จะส่งผลให้การค้างาช้างในฮ่องกงซบเซาลงไปด้วย”