xs
xsm
sm
md
lg

‘Made in China’ สู่ ‘Created in China’ "สี จิ้นผิง" ร่างพิมพ์เขียว เศรษฐกิจจีน 2561

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ซินหัว/ผู้จัดการรายวัน - สี จิ้นผิง กำลังถือหางเสือผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจแดนมังกร เศรษฐกิจใหญ่โตอันดับที่สองของโลกเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนา โดยมุ่งเน้นคุณภาพ พลิกโฉมกลไกทางเศรษฐกิจ เปลี่ยนจากการกระตุ้นอัตราเติบโตอย่างรวดเร็วดังช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ก้าวผ่าน เมด อิน ไชน่า” (Made in China) ไปสู่ “สร้างสรรค์โดยจีน” (Created in China) โดยอีก 3 ปีข้างหน้าจีนต้องการให้จีดีพีโตเฉลี่ย 6.3% ต่อปี ก็จะบรรลุเป้าหมายจีดีพีต่อหัวทะลุ $10,000

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ทางการจีนได้ปิดฉากการประชุมงานเศรษฐกิจส่วนกลาง (Central Economic Work Conference) ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีด้านเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศ กลุ่มผู้นำระดับสูงในที่ประชุม ประกาศว่า ต่อนี้ไปเศรษฐกิจจีนจะพลิกโฉมสู่การผลิตเชิงนวัตกรรมมากขึ้น ระบบการเงินที่เสถียรมากขึ้น เปิดกว้างมากขึ้น ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมสีเขียว ขณะที่ประชาชนสามารถซื้อหาที่อยู่อาศัยได้ง่ายกว่าแต่ก่อน และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการมุ่งไปสู่เป้าหมายดังกล่าวจะดำเนินไปตามหลักแนว “ความคิดเศรษฐกิจสังคมนิยมแบบบุคลิกจีนยุคใหม่” ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง

การประชุมงานเศรษฐกิจส่วนกลางระยะเวลาสามวันโดยมีประธานาธิบดีสีนั่งเป็นประธาน จัดขึ้นหลังการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนครั้งที่ (CPC) ครั้งที่ 19 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยการประชุมสมัชชาใหญ่ฯ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ร่างพิมพ์เขียวการพัฒนาประเทศจีนในช่วง 30 ปีข้างหน้าออกมา

การประชุมงานเศรษฐกิจส่วนกลาง ได้มุ่งจัดเตรียมแผนการพัฒนาในปี 2561 เป็นพิเศษ เนื่องจากถือเป็นวาระครบรอบ 40 ปี ของการดำเนินนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศ ที่ทำให้จีนผงาดขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับสองของโลกในปัจจุบัน โดยตัวเลขล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจจีนยังดูมีอนาคตที่สดใส ด้วยอัตราขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงสามไตรมาสแรกที่ระดับร้อยละ 6.9 เมื่อเปรียบเทียบกันปีต่อปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าเป้าหมายอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ 6.5 ที่รัฐบาลตั้งไว้แต่แรก อันบ่งชี้ให้เห็นถึงเสถียรภาพ และศักยภาพของเศรษฐกิจจีนที่ยังมีสูง

ก่อนหน้านี้ธนาคารโลกแถลงรายงานคาดการณ์ ระบุปรับเพิ่มอัตราเติบโตเศรษฐกิจจีนในปี 2560 โตที่ร้อยละ 6.8 เนื่องจากปัจจัยการค้าต่างประเทศ และการบริโภคส่วนบุคคลที่ค่อนข้างคึกคัก

ขณะที่ในแถลงการณ์การประชุมงานเศรษฐกิจระบุว่า “ความคิดสังคมนิยมแบบบุคลิกจีนยุคใหม่” ซึ่งได้ก่อรูปร่างขึ้นแล้วนั้นได้กำหนดปรัชญาการพัฒนาใหม่ ที่มุ่งการพัฒนานวัตกรรม การประสานร่วมมือ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เปิดกว้าง และเป็นการพัฒนาแบบแบ่งปัน โดยเป็นการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันก็จะสร้าง “มาตรฐานใหม่” ในการพัฒนาที่ให้ตลาดมีบทบาทชี้ขาด โดยจะดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างเชิงอุปทาน ที่ลงลึกเป็นแกนหลักของงานเศรษฐกิจ

• มุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจเชิงคุณภาพ

ในแถลงการณ์ที่เสมือนเป็นพิมพ์เขียวเศรษฐกิจดังกล่าว ระบุด้วยว่าจีนจะสร้างและปรับปรุงกลไกต่างๆ เพื่อผลักดันการพัฒนาที่คุณภาพสูง รวมทั้งสร้างปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็น นโยบาย มาตรฐาน ระบบการประเมินผลงาน และจะสร้างขุมพลังการผลิต ซึ่งพลิกโฉมจาก “เมด อิน ไชน่า” (Made in China) ไปสู่ “สร้างสรรค์โดยจีน” (Created in China) นอกจากนี้ยังจะมีการปรับปรุงกลไกระยะยาวเพื่อประกันเสถียรภาพการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ จัดมาตรการสนับสนุนการซื้อขาย และการเช่าบ้านให้เป็นระบบระเบียบ

ในการประชุมยังได้ร่างยุทธศาสตร์ เพื่อต่อกรกับ “สงครามใหญ่สามด้าน” ได้แก่ การป้องกันความเสี่ยง การขจัดความยากจน และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยรักษาจุดยืนที่แข็งกร้าวในการปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมายในภาคอุตสาหกรรมการเงิน

“จีนยังคงรักษานโยบายการเงินแบบระมัดระวัง คุมเข้มอุปทานทางการเงินที่จะท่วมทะลักเข้ามา การปล่อยสินเชื่อและอัดฉีดด้านการเงินแก่สังคม จะต้องปรับให้อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล” แถลงการณ์ระบุ

สำหรับสงครามแก้จน กลุ่มผู้กำหนดนโยบายสัญญาว่าจะรักษาคุณภาพงานลดความยากจนภายใต้มาตรฐานปัจจุบัน มุ่งเน้นที่การช่วยเหลือกลุ่มพิเศษ ส่วนการควบคุมมลพิษจะมุ่งลดการแพร่กระจายสารมลพิษหลัก และปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในภาพรวม โดยมุ่งไปที่การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ขจัดความสามารถที่ล้าหลัง และสร้างท้องฟ้าอันสดใส

ในฐานะผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกรายหลัก จีนจะผลักดันรูปแบบใหม่ของการเปิดกว้างอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างการพัฒนาแบบสมประโยชน์กับประเทศต่าง ๆ โดยจะเพิ่มการนำเข้า และตัดลดภาษีนำเข้าสินค้าบางกลุ่ม เพื่อส่งเสริมดุลการค้า นอกจากนี้จะขยายเขตการค้าเสรี กำหนดหลักแนะแนวที่มีประสิทธิภาพ และให้การสนับสนุนการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ เป็นต้น

• เป้า GDP ต่อหัว $10,000 ในปี 2020 ไม่ไกลเกินเอื้อม

หากย้อนกลับไปในการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนครั้งที่ 18 หรือ สมัชชาฯ 18 เมื่อ 5 ปีก่อนในเดือนพฤศจิกายน 2555 ชาวจีน และสื่อท้องถิ่นของจีนเคยฮือฮากับคำประกาศของที่ประชุมซึ่งกุมอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศว่า “ในสิบปีรายได้เฉลี่ยของชาวจีนจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า โดยในปี 2563 ในภาพรวมจะปรากฏสังคมกินดีอยู่ดี” การระบุเป้าหมายการเพิ่มขึ้นของตัวเลขรายได้ต่อหัวอย่างเป็นรูปธรรมและลงรายละเอียดเช่นนี้นั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ชาวจีนไม่เคยได้ยินมาก่อนจากการประชุมใหญ่สมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์

การระบุเป้าหมายเรื่อง เพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัว (Per capita income) อีกเท่าหนึ่งภายในปี 2563 (ค.ศ.2020) นั้นมิเพียงหมายความถึงการระบุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับมหภาค แต่ยังหมายถึงการกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วย ทั้งนี้ ตัวเลขอ้างอิงโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเมื่อเดือนสิงหาคม 2555 ระบุว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเฉลี่ยต่อหัว หรือ จีดีพีต่อหัวของจีนนั้นเพิ่มขึ้นจาก 1,135 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2545 (ค.ศ.2002) เป็น 5,432 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2554 (ค.ศ.2011) นั่นหมายความว่า เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ ภายในปี 2563 รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะต้องทำให้ตัวเลขดังกล่าวทะลุ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 330,000 บาท ให้ได้

จากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2560 ซึ่ง หยาง เว่ยหมิน รองหัวหน้าสำนักงานกลุ่มการเงินและเศรษฐกิจส่วนกลาง เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวระบุว่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้าระหว่าง 2561-2563 (ค.ศ.2018-2020) หากจีนจะบรรลุเป้าหมายที่เคยประกาศไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้วในการเพิ่มรายได้เฉลี่ยของชาวจีนอีกหนึ่งเท่า และเศรษฐกิจจีนจะพัฒนาจนถึงขั้นปรากฏสังคมกินดีอยู่ดี เศรษฐกิจจีนจะต้องเติบโตเฉลี่ยราวร้อยละ 6.3 ต่อปี

“หากวัดจากสภาวะเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน ถือว่า ไม่น่าจะมีอุปสรรคสำคัญใดๆ ที่เข้ามาขัดขวางไม่ให้เราทำได้ตามเป้าหมาย โดยแนวทางของการพัฒนาเศรษฐกิจจีนนับจากนี้ไปจะมุ่งไปสู่การพัฒนาในเชิงคุณภาพ แทนที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างรวดเร็วดังเช่นแต่ก่อน เพราะถ้าหากจีนปฏิเสธความจริงเหล่านี้ (การพัฒนาเชิงคุณภาพ) และยังคงลุ่มหลงกับตัวเลขการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว ความเสี่ยงในทางเศรษฐกิจก็จะเพิ่งขึ้นแซงหน้าตัวเลขจีดีพีที่เพิ่มขึ้นแทน” หยางระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น