xs
xsm
sm
md
lg

9 ข่าวเด่นจีน ปีไก่ 2560

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


MGR Online / เอเจนซี รายงานสรุปข่าวจีนที่เด่นในรอบปี พ.ศ.2560 ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนความเป็นไปของการเมือง เศรษฐกิจ สังคมของจีนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยในปี 2560 ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมายในประเทศจีน ตั้งแต่การสร้างสถิติใหม่ๆ ของรถไฟความเร็วสูง ปรากฏการณ์ภาพยนตร์จีนทำเงินถล่มทลาย การเจรจาการค้าหลายพันล้านดอลลาร์ และการประชุมครั้งสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
พิธีฉลองเรือบรรทุกเครื่องบิน ลำแรกที่สร้างในจีนทั้งลำ โดยเป็นเรือรบมีขนาดใหญ่ที่สุด และระบบการทำงานซับซ้อนที่สุดที่จีนเคยสร้างมา เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่อู่ต่อเรือต้าเหลียน (ภาพไชน่าเดลี)
"เปิดแสนยานุภาพทางทะเล เรือบรรทุกเครื่องบิน สร้างในจีนทั้งลำ"
จีนเผยโฉมเรือบรรทุกเครื่องบิน ที่สร้างเองทั้งลำ โดยเปิดตัวในปีนี้ ที่เมืองต้าเหลียน เมื่อเดือนเมษายน มีชื่อไม่เป็นทางการว่า "Type 001A" และคาดว่าจะใช้ชื่อจริงว่า "ซานตง" อันเป็นชื่อมณฑล เช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรก ซึ่งใช้ชื่อว่า "เหลียวหนิง" CNS Liaoning ซึ่งเป็นเรือที่สร้างในยุคโซเวียต และนำมาปรับปรุงใหม่ที่อู่เรือ ต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิงของจีน ก่อนเข้าประจำการในปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมา

เรือบรรทุกเครื่องบิน "Type 001A" ลำนี้ มีระวาง 50,000 ตัน เป็นฐานปฏิบัติการทางทะเลสำหรับเครื่องบินขับไล่ เจ-15 โดยเป็นเรือรบมีขนาดใหญ่ที่สุด และระบบการทำงานซับซ้อนที่สุดที่จีนเคยสร้างมา
อดีตนายกเทศมนตรี นครเซี่ยงไฮ้ สูว์ ค่วงตี๋ วัย 79 ปี ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเขตผู่ตง เซี่ยงไฮ้ ยืนอยู่ขวามือของ ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง (คนกลาง) ขณะสำรวจแผนสร้างเมืองสงอัน (ภาพเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์)
"เติ้ง เสี่ยวผิง มีเซินเจิ้น สี จิ้นผิง มี สงอัน สร้างเมืองใหม่ เชื่อมือเก่าผู้เนรมิตผู่ตง"
สูว์ ค่วงตี๋ อดีตนายกเทศมนตรี นครเซี่ยงไฮ้ วัย 79 ปี ผู้ได้รับความไว้วางใจ ฝากความฝันสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่สงอัน ตามนโยบายของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง

เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ รายงานเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ว่า นาย สูว์ ค่วงตี๋ ปัจจุบันอายุ 79 ปีแล้ว เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี นครเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ถึง พ.ศ. 2544 มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพัฒนาเขตผู่ตง เป็นศูนย์กลางการเงินของจีนปัจจุบันนี้

สูว์ ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ ให้คุมแผนขยายเมืองและถ่ายความแออัดออกจากเมืองหลวงกรุงปักกิ่ง ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง สร้างเมืองสงอัน ซึ่งครอบคลุมเขตปกครอง ของ 3 เขต ในมณฑลเหอเป่ย

สูว์ กล่าวกับซินหวา ว่า หลังจากแถลงนโยบายเมื่อวันที่ 1 เมษายน ว่าจีนวางแผนสร้างเมืองใหม่ในเหอเป่ย เพื่อให้เจริญเทียบเท่ากับเซินเจิ้น และผู่ตง อันเป็นผลงานโดดเด่นจากวิสัยทัศน์ของเติ้ง เสี่ยวผิง โดยเขตสงอันนี้ ได้รับเลือกเพราะบริเวณดังกล่าว เหมือนหน้ากระดาษขาว ที่สามารถขีดเขียนเมืองตามฝันได้ โดยในระยะแรก แผนพัฒนาเขตเมืองใหม่สงอัน มีพื้นที่พัฒนากว้างประมาณ 100 ตารางกิโลเมตร ในช่วงกลางครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 200 ตารางกิโลเมตร และขยายถึง 2,000 ตารางกิโลเมตร ในระยะยาว

สิบปีที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น สูว์ ได้เกษียณจากภาระหน้าที่ใหญ่ เหลือเพียงตำแหน่งรองประธานที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน (ซีพีพีซีซี) ในปี พ.ศ. 2556 และเคยดำรงตำแหน่งประธานสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติจีนในปีพ.ศ. 2553 อย่างไรก็ตาม เขายังมีบทบาทเงียบในการให้คำปรึกษาด้วยสถานะของหัวหน้าคณะกรรมาธิการผู้เชี่ยวชาญ แผนบูรณาการปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย
แผนที่ภูมิศาสตร์ หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง China’s Belt and Road Initiative (BRI) ยุทธศาสตร์สำคัญแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสถานะมั่งคั่งและมหาอำนาจใหม่ โดยพื้นที่สีเหลืองคือประเทศที่เข้าร่วมสมาชิก ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (เอไอไอบี) แล้ว (ภาพจาก www.merics.org)
"แผน'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง' เปลี่ยนแกนหมุน 'โลก'"
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เปิดการประชุมหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Forum) เพื่อความร่วมมือระดับนานาชาติ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ณ นครหลวงกรุงปักกิ่งของจีน

การประชุมครั้งนี้ มีผู้นำประเทศต่างๆ อย่างน้อย 29 ชาติเข้าร่วม อาทิ ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี รวมถึงนายอังตอนีอู กูแตรึช เลขาธิการสหประชาชาติ นับเป็นเวทีระดับสูงสุดของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง ที่สี จิ้นผิง นำเสนอครั้งแรกในปี 2556

สีกล่าวว่า ในช่วงระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา มีการลงลึกเชิงนโยบาย ขยายการเชื่อมต่อโครงสร้างสาธารณูปโภค เพิ่มเครือข่ายการค้าและการเงิน ขณะโครงการริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง กำลังกลายเป็นความจริงและผลิดอกออกผลอันงดงาม

องค์กรระดับนานาชาติและประเทศต่างๆ กว่า 100 แห่งร่วมสนับสนุนและมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการริเริ่มฯ ดังที่จีนได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ 40 ประเทศ และดำเนินกรอบความร่วมมือด้านกำลังการผลิต (production capacity) กับอีกกว่า 30 ประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมา

สำหรับเครือข่ายทางการเงิน จีนก็เข้าไปมีส่วนในการก่อตั้งความร่วมมือทางการเงินกับองค์กรและประเทศที่เกี่ยวพันกับโครงการริเริ่มฯ อาทิ ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (เอไอไอบี) ที่จัดหาเงินกู้กว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์แก่ 9 โครงการในกลุ่มประเทศที่เข้าร่วมโครงการริเริ่มฯ หรือกองทุนเส้นทางสายไหม (Silk Road Fund) ที่ดำเนินการลงทุนแล้วกว่า 4 พันล้านดอลลาร์

ผู้นำจีนกล่าวย้ำถึงองค์ประกอบหลักที่อยู่เบื้องหลังการสร้างหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง และเผยคำมั่นว่าจะทำให้มันเป็นถนนแห่งสันติภาพ ความมั่งคั่งร่ำรวย การเปิดกว้าง และนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนเป็นถนนที่เชื่อมโยงอารยธรรมอันแตกต่าง

“เราควรค้ำจุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ที่เน้นความร่วมมือเพื่อสมประโยชน์ (win-win cooperation) และเร่งเดินหน้าความเป็นหุ้นส่วนคู่เจรจาโดยปราศจากการเผชิญหน้า”

“การค้าคือกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโต” สีกล่าว “ประเทศต่างๆ ควรส่งเสริมระบอบการค้าแบบพหุภาคี การสร้างเขตการค้าเสรี และการอำนวยความสะดวกแก่การค้าและการลงทุน”
เคอ เจี๋ย ยอดนักหมากล้อมมือหนึ่งของโลกชาวจีนพ่ายแพ้แก่ AI แบบย่อยยับ (ภาพรอยเตอร์)
"“เคอเจี๋ย” นักเล่นหมากล้อมมือหนึ่งของโลกชาวจีน พ่ายแพ้ สมองกล “อัลฟ่าโกะ”"
“เคอเจี๋ย” นักเล่นหมากล้อมมือหนึ่งของโลกชาวจีน พ่ายแพ้ สมองกล “อัลฟ่าโกะ” (AlphaGo) ของกูเกิล ในการดวลหมากล้อม แบบ 3 กระดานรวดเมื่อเมื่อวันที่ 23 และ 25 เดือนพฤษภาคม 2560

เจย์ เจนกินส์ (Jay Jenkins) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีคลาวด์ กล่าวบทเวที ในงาน Google News Lab APAC Summit 2017 ที่สิงคโปร์ว่า เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในปี 2540 ตอนที่คอมพิวเตอร์ “ดีพบลู (Deep Blue)” ของไอบีเอ็มเล่นหมากรุกเอาชนะ แกรี คาสปารอฟ ยอดนักหมากรุกในตำนานชาวรัสเซีย-โครเอเชียได้ หลังจากนั้นก็ไม่ใครคาดคิดเช่นกันว่า คอมพิวเตอร์จะสามารถเอาชนะมนุษย์ได้ใน เกมหมากล้อม หรือ โกะ เกมกระดานโบราณของจีน ที่มีความซับซ้อนกว่าหมากรุกได้ภายในระยะเวลาอันสั้น โดยในเวลานั้นมีการคาดหมายว่า ในเกมหมากล้อม อย่างเร็วคอมพิวเตอร์คงเอาชนะมนุษย์ได้ในอีก 30 ปี หรือปี 2570 (ค.ศ.2027)

แต่ชัยชนะของ อัลฟาโกะ ปัญญาประดิษฐ์ของกูเกิล เหนือ เคอ เจี๋ย ยอดนักหมากล้อมมือหนึ่งของโลกชาวจีนวัย 19 ปี แบบ 3 กระดานรวดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning หรือ ML) และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั้นรวดเร็วกว่าที่เราคาดคิดไว้มากนัก

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ไม่เพียงแต่ “รวดเร็ว” กว่าที่มนุษย์อย่างเราๆ คิด ทั้งยังอยู่ “ใกล้ตัว-ติดตัว” กว่าที่เรารู้สึกฯ
ฟู่ซิง” (复兴) รถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ของจีนได้ออกโลดแล่นเป็นครั้งแรกบนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน (ภาพไชน่านิวส์)
"“ฟู่ซิง” วิ่งแล้ว! รถไฟความเร็วสูงระบบราง ที่เร็วที่สุดในโลก"
“ฟู่ซิง” (复兴) รถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ของจีนได้ออกโลดแล่นเป็นครั้งแรกบนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ส่งเสริมบทบาทผู้นำรถไฟความเร็วสูงของโลก

รถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาบนเทคโนโลยีและ “มาตรฐานรถไฟจีน” รวมถึงได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและรูปแบบการคมนาคมขนส่งทางรถไฟของจีน

สำนักวิชาวิทยาศาสตร์การรถไฟแห่งชาติจีนระบุว่า รถไฟหัวกระสุนสองรุ่นใหม่มีดีไซน์เพรียวลมซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มพื้นที่สำหรับผู้โดยสารมากขึ้น โดยการออกแบบและชิ้นส่วนหลัก อาทิ ตัวลากจูง ตัวเบรก และระบบควบคุมล้วนได้รับการพัฒนาโดยทีมวิศวกรจีน มีอายุการใช้งานนาน 30 ปี มากกว่ารถไฟหัวกระสุนที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีอายุการใช้งานเพียง 20 ปีเท่านั้น โดยรถไฟจะวิ่งให้บริการด้วยความเร็วราว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เหอ หวาอู๋ หัวหน้าวิศวกรของบริษัทการรถไฟจีน กล่าวว่ารถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่นี้จะทยอยเข้าไปแทนที่รถไฟรุ่นปัจจุบันที่สร้างตามมาตรฐานต่างชาติทั้งหมด ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการผลิต การทำงาน และการบำรุงรักษา รวมถึงช่วยส่งเสริมการส่งออกชิ้นส่วน ราง และเทคโนโลยีรถไฟจีนอีกด้วย
Wolf Warriors 2 กวาดรายได้เป็นประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมหนังจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยเม็ดเงินมหาศาลถึง 5,680 ล้านหยวน
"Wolf Warriors 2 ทำเงินสูงสุดประจำสัปดาห์อันดับ 1 ของโลก"
Wolf Warriors 2 ทำเงินในสุดสัปดาห์เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาถึง 127 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงกว่าหนังทุกเรื่องที่ฉายในโลกในช่วงเวลาเดียวกัน

รายได้ 127 ล้านเหรียญฯ ของWolf Warriors 2 ยังทิ้งห่างอันดับ 2 คือ Dunkirk ที่ทำไป 73 ล้านเหรียญฯ ถึง 50 ล้านฯ แน่นอนว่ารายได้เกือบทั้งหมดของ Wolf Warriors 2 แทบจะมาจากตลาดหนังจีนแผ่นดินใหญ่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น

Wolf Warriors 2 เล่าเรื่องราวของทหารหนุ่มชาวจีนแผ่นดินใหญ่ กับการรับภารกิจปกป้องหน่วยแพทย์ในแอฟริกา เป็นผลงานการกำกับ และแสดงนำของดาราบู๊ อู๋จิง โดยหนังสามารถกวาดรายได้เป็นประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมหนังจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยเม็ดเงินมหาศาลถึง 5,680 ล้านหยวน (28,581 ล้านบาท หรือ 878 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับ 55 ตลอดกาลของโลก และทำรายได้สูงเป็นอันดับ 5 ของปีนี้ เอาชนะได้กระทั่งหนังดังๆ อย่าง Wonder Woman และ Guardians of the Galaxy Vol. 2
นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย (ซ้าย) และ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในการประชุมสุดยอดบริกส์ รัฐกัวทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศอินเดีย เมื่อปีที่แล้ว 2016 (ภาพเอเอฟพี)
"จีน-อินเดีย หยุดทะเลาะ! จับมือประชุมผู้นำบริกส์"
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี มีจังหวะตั้งหลักปฏิสัมพันธ์ท่ามกลางข้อพิพาทของทั้งสองประเทศในภูมิภาคดอกลัม ในเทือกเขาหิมาลัย เพื่อร่วมการประชุมผู้นำบริกส์ (BRICS) ตั้งแต่วันที่ 3 ถึง 5 กันยายน ที่ผ่านมา

โดยจีนและอินเดียตกลงที่จะหยุดก่อสร้างถนนข้อพิพาทบนที่ราบสูงดอกลัม (Doklam) เป็นเวลาสองเดือน หลังข้อพิพาทดังกล่าวเริ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายน เมื่อจีนเริ่มสร้างถนนในบริเวณชายแดนจีน-อินเดียและภูฏาน จนเกิดการเผชิญหน้ากันของทหารจีนและอินเดีย ซึ่งต่างระดมพลไปยังพื้นที่ดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อความตึงเครียดของพรมแดนยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีการคาดเดาว่า นเรนทรา โมดี อาจไม่ร่วมการประชุมสุดยอดบริกส์ ที่จีน ซึ่งเป็นการประชุมประจำปี และได้รับความสนใจจากผู้นำสูงสุดของประเทศสมาชิก 5 ประเทศนับตั้งแต่ที่มีการจัดตั้งขึ้นในปีพ. ศ. 2552

การเดินทางร่วมประชุมบริกส์ เป็นการเยือนจีนครั้งที่สามในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นเรนทรา โมดี ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปีพ. ศ. 2557 โดยการเยือนครั้งล่าสุดของเขาคือเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558

"ประเทศจีนและอินเดียได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นผู้นำในศตวรรษแห่งเอเชีย" จู เจี่ยจิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการทูตพหุภาคีของจีน ที่มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น กล่าวและเสริมว่า บริกส์ เป็นเวทีที่สำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อสำรวจแนวทางการพัฒนาของตนเอง และเพื่อนำการปฏิรูปสู่ระเบียบโลกที่มีอยู่ แต่ข้อพิพาทชายแดนได้กลายเป็นความท้าทายที่สำคัญต่อจีนและอินเดีย และยังสะท้อนให้เห็นได้ว่า ผู้นำทั้งสองประเทศมีความสุขุมและมีภูมิปัญญาในการก้าวข้ามปัญหาทวิภาคีของตนหรือไม่ เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพทางการตลาดของตนต่อไป
คณะ 7 ผู้นำใหญ่แห่งคณะกรรมาธิการประจำกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร ที่กุมอำนาจการเมืองสูงสุดของจีน ได้แก่ สี จิ้นผิง (กลาง) หลี่ เค่อเฉียง (คนที่ 3 จากขวา) ลี่ จ้านซู (คนที่ 3 จากซ้าย) วัง หยาง (คนที่ 2 จากขวา) หวัง หู้หนิง(คนที่ 2 จากซ้าย) จ้าง เล่อจี้ (คนที่ 1 จากขวา) และ หัน เจิ้ง พบปะกลุ่มผู้สื่อข่าว ณ มหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง วันที่ 25 ต.ค. (ภาพ ซินหวา)
"สี จิ้นผิง นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่สอง เปิดตัว 7 บิ๊กแดนมังกร"
การประชุมเต็มคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 19 ครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ได้เลือกสี จิ้นผิง เป็นเลขาธิการใหญ่แห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ

ที่ประชุมฯ อันประกอบด้วยผู้นำชุดใหม่ของคณะกรรมการกลางพรรคฯ 204 คน และคณะกรรมการสำรองของคณะกรรมการกลางพรรคฯ 172 คน ยังได้เลือกตั้งคณะกรรมาธิการสำรองกรมการเมือง และคณะกรรมาธิการประจำกรมการเมืองฯ

ผู้นำใหญ่แห่งคณะกรรมาธิการประจำกรมการเมืองฯ 7 คน ได้แก่ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (习近平)วัย 64 ปี, นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง (李克强)วัย 62 ปี ทั้งสองดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง

สำหรับกลุ่มผู้นำอีก 5 คน แห่งคณะกรรมาธิการประจำกรมการเมืองฯ ล้วนเป็นผู้นำหน้าใหม่ ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานกลางแห่งพรรคฯ นาย ลี่ จ้านซู (栗战书) วัย 67 ปี, รองนายกรัฐมนตรี นาย วัง หยาง (汪洋) วัย 62 ปี, ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยนโยบายแห่งพรรคฯ นาย หวัง หู้หนิง(王沪宁)วัย 62 ปี, หัวหน้าฝ่ายการจัดตั้งองค์กรกลางแห่งพรรคฯ นาย จ้าว เล่อจี้ (赵乐际) วัย 62 ปี, และ เลขาธิการพรรคฯประจำนครเซี่ยงไฮ้ นาย หัน เจิ้ง (韩正) วัย 64 ปี

ที่ประชุมเต็มคณะกรรมการกลางซีพีซีชุดที่ 19 ยังได้เลือกสี จิ้นผิง เป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหารแห่งคณะกรรมาธิการกลางพรรคฯ และเลือกรองประธานฯ คือ สีว์ ฉีเลี่ยง (许其亮) และจัง โย่วซย่า (张又侠)

นอกจากนี้ได้เลือก จ้าว เล่อจี้ เป็นนายใหญ่ของคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยแห่งคณะกรรมาธิการกลางพรรคฯ (Central Commission for Discipline Inspection/ CCDI) ซึ่งมีบทบาทใหญ่ในการกำกับดูแลวินัย และปราบปรามคอรัปชั่น

กลุ่มผู้นำพรรคฯชุดใหม่ที่เปิดตัวในวันนี้ เป็นกลุ่มการนำสูงสุดที่ถือหางเสือนำนาวารัฐจีนสู่เป้าหมายสังคมนิยมสมัยใหม่ในกลางศตวรรษนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ (กลางซ้าย) และ เมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยา กับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง (กลางขวา) กับเผิง หลี่หยวน ภรรยา ยืนถ่ายดภาพร่วมกันที่พระราชวังต้องห้าม กรุงปักกิ่ง เมื่อวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 (ภาพเอพี)
"สี จิ้นผิงต้อนรับ ผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ บนแผ่นดินใหญ่จีน"
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนประเทศจีน เมื่อวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน ร่วมการหารือในประเด็นอาทิ การค้าและความตึงเครียดกับประเทศเกาหลีเหนือ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนเดินทางเยือน 5 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน, เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ตามลำดับ

ก่อนหน้านี้ ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐสภาของประเทศเกาหลีใต้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ยึดนโยบาย "อเมริกันมาก่อน" ได้เรียกร้องให้จีนยกเลิกความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ พร้อมกับประณามเกาหลีเหนือว่า "เป็นดังนรก" และยังเคยเตือนเกาหลีเหนือว่า อย่าดูแคลนหรือลองดีกับสหรัฐอเมริกา พร้อมกับคำกล่าวที่สื่อนำไปพาดหัวกันว่า "อาวุธของคุณ ไม่ได้ทำให้คุณอยู่ดีปลอดภัยขึ้นเลย"

นายทรัมป์ ยังกล่าวชื่นชม สี จิ้นผิง ว่าคือผู้ที่เขารอคอยในการมาพบ หลังชัยชนะครั้งใหญ่ทางการเมืองของผู้นำจีน เมื่อสี จิ้นผิง สามารถรวบรวมพลังทางการเมืองของตน ในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า ความแข็งแกร่งของสี จิ้นผิงนี้ จะทำให้ทรัมป์ไม่สามารถต่อรองได้ และแม้การพบกันจะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ก็ยังมีกระแสโจมตีกล่าวหาจีนในประเด็นเกี่ยวกับการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม

สำหรับกำหนดการ 3 วัน ที่ประเทศจีน สี จิ้นผิง ได้เปิดพระราชวงต้องห้าม ซึ่งเป็นพระราชวังประทับของฮ่องเต้จีนตลอดเวลานานหลายศตวรรษ เพื่อต้อนรับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และเมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยา อย่างยิ่งใหญ่
กำลังโหลดความคิดเห็น