ไชน่าเดลี - เรียกว่าเป็นอีกหนึ่ง “ปีทอง” ของผลงานศิลป์สัญชาติจีน หลังได้รับความนิยมและความสนใจจากเหล่านักประมูลในต่างประเทศ ที่พากันแย่งชิงจับจองเป็นเจ้าของจนส่งผลให้ราคาพุ่งสูงทุบสถิติใหม่อยู่หลายครั้งหลายคราว
ขณะเดียวกันสถาบันประมูลจำนวนมากก็เปิดช่วงการซื้อขายผลงานศิลปะของจีนขึ้นมาเป็นพิเศษ ยิ่งสร้างกระแสร้อนแรงแก่ศิลปวัตถุ “เมดอินไชน่า” (made in China) จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกตลอดปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งสื่อทางการจีนได้รวบรวมผลงานศิลป์ที่น่าสนใจมานำเสนอดังนี้
แจกันสามมังกร ราคาขายจริงสูงกว่าราคาประเมิน 10,000 เท่า!

แจกันจีนโบราณได้รับการประมูลไปด้วยราคา 5 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 5.18 ล้านดอลลาร์ ณ งานประมูลในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นับว่าสูงขึ้นกว่าหนึ่งหมื่นเท่าจากราคาประเมินตั้งต้นที่อยู่ระหว่าง 500-800 ฟรังก์สวิส หรือราว 517-828 ดอลลาร์
อ้างอิงข้อมูลจากแคตตาล็อกของสถาบันประมูลเจนีวา-อองเชร์ (Geneve-Encheres) ระบุว่าแจกันลายมังกรสีน้ำเงินสามตัวบนพื้นหลังสีเหลือง ความสูง 60 เซนติเมตร มีต้นกำเนิดจากยุคศตวรรษที่ 20 แม้จะมีลักษณะเหมือนมาจากยุคจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1911) ก็ตาม
แจกันทรงน้ำเต้า ทุบสถิติงานศิลป์ราคาสูงสุดในไอร์แลนด์

แจกันจีนโบราณที่ผู้ดำเนินงานประมูลประเมินราคาไว้เพียง 1,200 ยูโร หรือราว 1,336 ดอลลาร์ กลับถูกเคาะราคาขายสูงถึง 740,000 ยูโร หรือราว 825,000 ดอลลาร์ เมื่อเดือนมิ.ย. สร้างสถิติชิ้นงานศิลปะที่ทำราคาสูงสุดของสถาบันประมูลเชพเพิร์ดส (Sheppard's) ประเทศไอร์แลนด์
แจกันรูปทรงน้ำเต้า มีหูจับโค้งมน ลวดลายสีน้ำเงินพื้นขาว กว้าง 18 เซนติเมตร และสูง 23 เซนติเมตร มีต้นกำเนิดจากยุคจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1911) โดยสื่อท้องถิ่นไอร์แลนด์ระบุว่า “มันเป็นของขวัญอันทรงเกียรติที่จักรพรรดิจีนมอบแก่แขกผู้มาเยือนคนสำคัญ”
แจกันคู่ลายกุหลาบ ติดโผเครื่องเซรามิกจีนแพงสุดของการประมูล

สถาบันประมูลคริสตีย์ส (Christie’s) ได้จัดงานประมูลในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนพ.ค. โดยมีแจกันจีนโบราณคู่หนึ่ง ลวดลายกุหลาบและผีเสื้อ สมัยราชวงศ์ชิง ทำสถิติเป็นหนึ่งในสิบเครื่องเซรามิกจีนที่มีราคาแพงที่สุดของงานด้วยราคาขาย 13 ล้านปอนด์ หรือราว 16.8 ล้านดอลลาร์
โรสแมรี สก็อตต ผู้เชี่ยวชาญเครื่องเซรามิกจีนของคริสตีย์ส เผยว่าแจกันคู่ดังกล่าวซึ่งผลิตในศตวรรษที่ 18 สำหรับราชสำนักของจักรพรรดิเฉียนหลง ถูกชาวอังกฤษซื้อไปในช่วงต้นทศวรรษ 1930 ก่อนส่งต่อมาถึงเจ้าของคนปัจจุบันที่ “ไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังครอบครองสิ่งของล้ำค่าไว้อยู่”
ม้วนภาพหกมังกร ฝีมือปรมาจารย์นักวาดมังกรของจีน

นักประมูลนิรนามคว้าม้วนภาพวาดจีนโบราณยุคศตวรรษที่ 13 ไปครอบครองด้วยราคา 49 ล้านดอลลาร์จากงานประมูลในกรุงนิวยอร์กของสหรัฐฯ เมื่อเดือนมี.ค. โดยภาพวาดความยาว 4 เมตร เป็นฝีมือของเฉิง หรง ปรมาจารย์การวาดภาพมังกรจีน ที่ทิ้งผลงานไว้ราว 25 ชิ้นทั่วโลกในปัจจุบัน
รายงานระบุว่าภาพวาดยุคราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960-1279) นี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นของจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง ก่อนถูกโยกย้ายไปยังญี่ปุ่นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และกลายเป็นส่วนหนึ่งในการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ฟูจิตะ นครโอซากา
แจกันลายปลาคาร์ปสีทอง อดีต “ของปลอม” ที่กลายเป็นของจริง!

แจกันจีนโบราณลายปลาอู๋ไฉ่ (wucai fish) ที่ตกแต่งด้วยลวดลายปลาคาร์ปสีทอง ดอกบัวบาน และพืชพรรณที่ดูเคลื่อนไหวตามคลื่นน้ำ มีต้นกำเนิดจากยุคจักรพรรดิจยาจิ้งแห่งราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368-1644) เคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นของลอกเลียนแบบ
อย่างไรก็ดี ณ งานประมูลซึ่งจัดโดยสถาบันประมูลเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร ก็มีกลุ่มนักประมูลสายตาเฉียบคมที่รู้ดีว่าแจกันใบนี้ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป แข่งกันเสนอราคาจนพุ่งจาก 1,800 ปอนด์ ไปอยู่ที่ 810,000 ปอนด์ หรือราวหนึ่งล้านดอลลาร์ในท้ายที่สุด
ขณะเดียวกันสถาบันประมูลจำนวนมากก็เปิดช่วงการซื้อขายผลงานศิลปะของจีนขึ้นมาเป็นพิเศษ ยิ่งสร้างกระแสร้อนแรงแก่ศิลปวัตถุ “เมดอินไชน่า” (made in China) จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกตลอดปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งสื่อทางการจีนได้รวบรวมผลงานศิลป์ที่น่าสนใจมานำเสนอดังนี้
แจกันสามมังกร ราคาขายจริงสูงกว่าราคาประเมิน 10,000 เท่า!
แจกันจีนโบราณได้รับการประมูลไปด้วยราคา 5 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 5.18 ล้านดอลลาร์ ณ งานประมูลในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นับว่าสูงขึ้นกว่าหนึ่งหมื่นเท่าจากราคาประเมินตั้งต้นที่อยู่ระหว่าง 500-800 ฟรังก์สวิส หรือราว 517-828 ดอลลาร์
อ้างอิงข้อมูลจากแคตตาล็อกของสถาบันประมูลเจนีวา-อองเชร์ (Geneve-Encheres) ระบุว่าแจกันลายมังกรสีน้ำเงินสามตัวบนพื้นหลังสีเหลือง ความสูง 60 เซนติเมตร มีต้นกำเนิดจากยุคศตวรรษที่ 20 แม้จะมีลักษณะเหมือนมาจากยุคจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1911) ก็ตาม
แจกันทรงน้ำเต้า ทุบสถิติงานศิลป์ราคาสูงสุดในไอร์แลนด์
แจกันจีนโบราณที่ผู้ดำเนินงานประมูลประเมินราคาไว้เพียง 1,200 ยูโร หรือราว 1,336 ดอลลาร์ กลับถูกเคาะราคาขายสูงถึง 740,000 ยูโร หรือราว 825,000 ดอลลาร์ เมื่อเดือนมิ.ย. สร้างสถิติชิ้นงานศิลปะที่ทำราคาสูงสุดของสถาบันประมูลเชพเพิร์ดส (Sheppard's) ประเทศไอร์แลนด์
แจกันรูปทรงน้ำเต้า มีหูจับโค้งมน ลวดลายสีน้ำเงินพื้นขาว กว้าง 18 เซนติเมตร และสูง 23 เซนติเมตร มีต้นกำเนิดจากยุคจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1911) โดยสื่อท้องถิ่นไอร์แลนด์ระบุว่า “มันเป็นของขวัญอันทรงเกียรติที่จักรพรรดิจีนมอบแก่แขกผู้มาเยือนคนสำคัญ”
แจกันคู่ลายกุหลาบ ติดโผเครื่องเซรามิกจีนแพงสุดของการประมูล
สถาบันประมูลคริสตีย์ส (Christie’s) ได้จัดงานประมูลในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนพ.ค. โดยมีแจกันจีนโบราณคู่หนึ่ง ลวดลายกุหลาบและผีเสื้อ สมัยราชวงศ์ชิง ทำสถิติเป็นหนึ่งในสิบเครื่องเซรามิกจีนที่มีราคาแพงที่สุดของงานด้วยราคาขาย 13 ล้านปอนด์ หรือราว 16.8 ล้านดอลลาร์
โรสแมรี สก็อตต ผู้เชี่ยวชาญเครื่องเซรามิกจีนของคริสตีย์ส เผยว่าแจกันคู่ดังกล่าวซึ่งผลิตในศตวรรษที่ 18 สำหรับราชสำนักของจักรพรรดิเฉียนหลง ถูกชาวอังกฤษซื้อไปในช่วงต้นทศวรรษ 1930 ก่อนส่งต่อมาถึงเจ้าของคนปัจจุบันที่ “ไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังครอบครองสิ่งของล้ำค่าไว้อยู่”
ม้วนภาพหกมังกร ฝีมือปรมาจารย์นักวาดมังกรของจีน
นักประมูลนิรนามคว้าม้วนภาพวาดจีนโบราณยุคศตวรรษที่ 13 ไปครอบครองด้วยราคา 49 ล้านดอลลาร์จากงานประมูลในกรุงนิวยอร์กของสหรัฐฯ เมื่อเดือนมี.ค. โดยภาพวาดความยาว 4 เมตร เป็นฝีมือของเฉิง หรง ปรมาจารย์การวาดภาพมังกรจีน ที่ทิ้งผลงานไว้ราว 25 ชิ้นทั่วโลกในปัจจุบัน
รายงานระบุว่าภาพวาดยุคราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960-1279) นี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นของจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง ก่อนถูกโยกย้ายไปยังญี่ปุ่นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และกลายเป็นส่วนหนึ่งในการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ฟูจิตะ นครโอซากา
แจกันลายปลาคาร์ปสีทอง อดีต “ของปลอม” ที่กลายเป็นของจริง!
แจกันจีนโบราณลายปลาอู๋ไฉ่ (wucai fish) ที่ตกแต่งด้วยลวดลายปลาคาร์ปสีทอง ดอกบัวบาน และพืชพรรณที่ดูเคลื่อนไหวตามคลื่นน้ำ มีต้นกำเนิดจากยุคจักรพรรดิจยาจิ้งแห่งราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368-1644) เคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นของลอกเลียนแบบ
อย่างไรก็ดี ณ งานประมูลซึ่งจัดโดยสถาบันประมูลเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร ก็มีกลุ่มนักประมูลสายตาเฉียบคมที่รู้ดีว่าแจกันใบนี้ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป แข่งกันเสนอราคาจนพุ่งจาก 1,800 ปอนด์ ไปอยู่ที่ 810,000 ปอนด์ หรือราวหนึ่งล้านดอลลาร์ในท้ายที่สุด