กลุ่มสื่อจีนรายงาน (17 ธ.ค.) ถ้ำหินสลักพุทธศิลป์หลงเหมิน อายุราว 1,500 ปี ใช้เวลาประดิษฐ์ประดอย ต่อเติมนานถึง 400 ปี บนพื้นที่ประมาณ 1 กิโลเมตร ประกอบด้วยคูหาถ้ำ 1,300 คูหา โพรงแท่นบูชา 2,345 แท่น ศิลาจารึกสลักอักษรจีนและหมายเหตุบันทึกต่างๆอีก 3,600 กว่าหลัก รวมถึงเจดีย์พุทธ 50 กว่าแห่ง พระพุทธรูปสลัก 100,000 กว่าองค์
หลังจากที่ศาสนาพุทธ หลั่งไหลมาตามเส้นทางสายไหม เริ่มเผยแพร่เข้ามาในประเทศจีนในสมัยฮั่นตะวันออก ล่วงเลยมาจนถึงสมัยเว่ยเหนือ ใน ยุคราชวงศ์เหนือใต้ (南北朝; ค.ศ.420-589) ศาสนาพุทธก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรือง โดยปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ส่งให้ศาสนาพุทธแพร่หลายอย่างมากในช่วงเวลานั้น ก็คือ การได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจาก กษัตริย์ของเป่ยเว่ย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย เผ่าเซียนเปย (鲜卑族)
เดิมทีนั้น เมืองหลวงของเป่ยเว่ยตั้งอยู่ ณ สถานที่ซึ่งปัจจุบันคือ เมืองต้าถง มณฑลซานซี และกษัตริย์ของเป่ยเว่ยก็มีดำริให้สร้างถ้ำหินสลักขนาดใหญ่โตมโหฬารขึ้นที่เมืองหลวง ซึ่งในปัจจุบันก็คือ ถ้ำหินสลักหยุนกัง
ต่อมาในรัชสมัยของ เสี้ยวเหวินตี้ (孝文帝; ครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 471-499) พระองค์ได้ดำเนินการปฏิรูปการปกครอง ภายใต้นโยบาย 'ทำให้เป็นฮั่น (汉化政策)' อันมีความหมายก็คือ ให้ชนกลุ่มน้อยพยายามเรียนรู้วัฒนธรรมจาก 'ชาวฮั่น' ชนเผ่าที่มีวัฒนธรรมก้าวหน้ากว่าใครในตอนนั้น ส่งผลให้เกิดการเร่งกระบวนการหลอมรวมทางวัฒนธรรมขนานใหญ่ ทั้งนี้หนึ่งในนโยบายการทำให้เป็นฮั่นก็ คือ การย้ายเมืองหลวงจาก เมืองต้าถง มายังดินแดนภาคกลาง ก็คือ เมืองลั่วหยาง ในปี ค.ศ.494
เมื่อย้ายเมืองหลวงมาแล้ว กษัตริย์ของเป่ยเว่ยก็ดำริให้มีการสร้างถ้ำหินสลักขึ้นอีกแห่ง และนั่นก็กลายเป็นต้นกำเนิดของ ถ้ำหินสลักหลงเหมิน อันเลื่องลือ


