ชาวจีนยกให้ ดอกโบตั๋น ราชาแห่งดอกไม้ทั้งมวล เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งมีศรีสุข โชคลาภ และเป็นดอกไม้ที่พบอยู่มากมายในภาพเขียนจีนสมัยโบราณ ดอกโบตั๋นไม่เพียงสวยงามแต่ยังมีกลิ่นหอม พร้อมความแข็งแรง
ภาพเขียนดอกโบตั๋นชิ้นแรกๆ ที่ปรากฏหลักฐาน พบในราชวงศ์ฉีเหนือ ( ค.ศ. 550-577) วาดโดยจิตกร หยัง จื่อฮวา และสำหรับในยุคร่วมสมัยปัจจุบัน ยกย่องกันให้ว่าภาพเขียนของ ฉี ไป่ฉือ (1864 - 1957) ซึ่งเผยความงามของดอกโบตั๋นได้อย่างสมบูรณ์ โดยใช้การตวัดพู่กันไม่กี่ครั้ง
ดอกโบตั๋น (Peony) ในภาษาจีนเรียกว่า “หมู่ตัน” (牡丹) ส่วนภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า “โบตัง” (Botan) เป็นดอกไม้ที่มีคุณค่าสูงยิ่งในวัฒนธรรมของจีน ทั้งรูปร่างสวยงาม สีสันสดใส และมีกลิ่นหอมรัญจวน ในประเทศจีนนั้นยังเรียกดอกโบตั๋นว่า “富贵花” หรือดอกไม้แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยด้วย
ในปี ค.ศ. 1903 ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์ชิง ได้มีการประกาศให้ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ประจำชาติ แต่หลังจากระบบศักดินาล่มสลาย พรรคคอมมิวนิสต์จีนขึ้นมาเรืองอำนาจ ก็ยังไม่มีการกำหนดดอกไม้ประจำชาติจีนอย่างเป็นทางการอีกเลย
เมื่อต้นทศวรรษที่ 70 เมื่อครั้งอดีตนายกรัฐมนตรี โจว เอินไหล เดินทางไปเยือนเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนัน ทางตอนกลางของประเทศ ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะเป็นศูนย์เพาะปลูกดอกโบตั๋น ได้แนะนำแขกต่างชาติว่าดอกโบตั๋นคือดอกไม้ประจำชาติของจีน
โจว เอินไหล กล่าวอีกว่า “ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ที่น่าอัศจรรย์และสง่างามมาก มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขและความมั่งมีศรีสุขของชาติจีน”
ในประเทศจีนดอกโบตั๋นมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันๆ ปี แต่เริ่มได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งมวลบุปผชาติ” ในสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง มีการเพาะปลูกอย่างแพร่หลายอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในช่วงที่โบตั๋นได้รับความนิยมอย่างสูง พอถึงหน้าที่ดอกไม้บานสะพรั่ง ประชาชนทุกระดับชั้นไม่ว่าจะเป็นคนรวยคนจนต่างกระตือรือร้นแห่แหนกันไปชมความงามของดอกโบตั๋นนานาพันธุ์ น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าดอกโบตั๋นจะเป็นที่นิยมมาก แต่มูลค่าของมันก็สูงยิ่งกระทั่งสามัญชนทั่วไปไม่สามารถหาซื้อมาครอบครองได้
สำหรับชาวจีนแล้ว ดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์ทางด้านจิตวิญญาณ มีเรื่องเล่าที่เกี่ยวพันกับดอกโบตั๋นมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับจักรพรรดินีองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีน
(โปรดติดตามตอนต่อไป "ดอกโบตั๋น กับจักรพรรดินีองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีน")