จีบีไทม์ส เผยรายงานล่าสุด (25 ต.ค.) ระบุว่า บริษัทจีนและคู่ค้าของพวกเขาจะลงทุนประมาณ 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในอีกห้าปีข้างหน้า ในโครงการใหม่ๆ ในประเทศตามเส้นทางการค้าสายไหม เอเชียไปยังยุโรปและแอฟริกา
รายงานฉบับนี้ได้รับการตีพิมพ์เมื่อวันอังคารที่ 24 ตุลาคม โดย บริษัทกฎหมายเบเคอร์ แม็คเคนซี่ (Baker McKenzie)ในขณะที่ความคิดริเริ่มด้านการค้าและการก่อสร้างถนนสาธารณูปโภคของจีน จะสร้างโอกาสให้กับบริษัทต่างชาติด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงทางการเมืองและกฎหมายในบางประเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ
โครงการริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งทาง (หรือ บีอาร์ไอ BRI) ซึ่งเป็นผลงานของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในความพยายามเพิ่มการค้าและการเชื่อมต่อผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในกว่า 60 ประเทศทั่วยูเรเซียและแอฟริกา
ในขณะที่การลงทุนขาออกของจีนถูกส่งไปยังประเทศในแถบดังกล่าวมากขึ้น ความคิดริเริ่มดังกล่าว ก็ได้รับการยกขึ้นเป็นลำดับความสำคัญทางการเมือง เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ ได้บรรจุแนวทางนโยบายนี้เข้าไว้ในกฎบัตรธรรมนูญของพรรค
"การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมในกิจกรรมการค้าจีนในภูมิภาคหนึ่งแถบหนึ่งทาง ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้ จะไม่เป็นที่ต้องสงสัยเลย ถึงเจตนารมณ์ของจีนในการที่จะเห็นเส้นทางหนึ่งแถบหนึ่งทาง เป็นแรงผลักดันในแนวเศรษฐกิจโลก" เบน ซิมเฟนดอร์เฟอร์ (Ben Simpfendorfer) ผู้ก่อตั้งและ ซีอีโอของ Silk Road Associates กล่าว
รายงานระบุว่า 50 บริษัทจีน ที่ได้ลงทุนหรือเข้าร่วมโครงการเกือบ 1,700 โครงการในประเทศหนึ่งแถบ-หนึ่งทาง ตั้งแต่เริ่มดำเนินการในปีพ. ศ. 2556
โครงการเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น บริษัท China Road and Bridge Corp หรือ China Harbour Engineering ซึ่งรับโครงการก่อสร้างอาคาร, ถนน, ท่าเรือ, โรงไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่ได้รับเงินกู้จากธนาคารนโยบายของจีนเช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของจีน (Exim Bank of China) และ ธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศจีน (China Development Bank)
คาดการณ์ว่าโครงการหนึ่งแถบ-หนึ่งทาง จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีกห้าปีข้างหน้า เนื่องจาก บริษัทเอกชนของจีน เช่น เทนเซนต์ (Tencent) หรือ บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนออปโป้ (Oppo) และบริษัทต่างชาติเข้ามาร่วมประโยชน์จากโอกาสที่สร้างขึ้นโดยโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น
รายงานฉบับนี้ ระบุถึงภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการผลิตอสังหาริมทรัพย์การขนส่งและคลังสินค้า ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการริเริ่มของ บีอาร์ไอ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
"ในขณะที่บีอาร์ไอ ถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาประโยชน์รัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากธนาคารจีนและการจ้างงานคนจีน แต่ขนาดและความทะเยอทะยานของความคิดริเริ่มบีอาร์ไอ ยังหมายถึงโอกาสที่บริษัทต่างๆ ทั้งในประเทศจีน และบริษัทข้ามชาติ จะสามารถทำงานกับองค์กรชาวจีน "สแตนลีย์ เจี๋ย หัวหน้าผู้แทนสำนักงานเบเคอร์แม็คเคนซี่ประจำกรุงปักกิ่งกล่าว
รายงานระบุว่าโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ ที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน จะอยู่ใน 10 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของจีดีพี ผลผลิตมวลรวมของภูมิภาคเส้นทางสายไหม ได้แก่ อินเดีย, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, โปแลนด์, รัสเซีย, ซาอุดิอาระเบีย, ไต้หวัน, ไทย และตุรกี
บริษัทต่างชาติมีโอกาสที่จะจัดหาผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้รับเหมาจีนที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสูง หรือโครงการต่างๆ ต้องการเทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้นหรือแข่งขันกับบริษัทของจีน ในตลาดที่โตเต็มที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอ่าวไทย
รายงานโดยเบเคอร์แม็คเคนซี่ และ Silk Road Associates ไม่ได้พิจารณาปัจจัยทางการเมืองที่ผลักดันโครงการหนึ่งแถบ-หนึ่งทาง แต่ก็เตือนว่า ความเสี่ยงในการลงทุนภายใต้โครงการนี้ประกอบด้วยข้อจำกัดด้านการลงทุนจากต่างประเทศ, กฎระเบียบด้านการต่อต้านการผูกขาด, มาตการภาษี, การจ้างงานในท้องถิ่น และกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับความเสี่ยงทางการเมืองภายในของบางประเทศ