ไชน่าเดลี/MGR Online - สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผย จีดีพีจีนขยับขึ้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.8 ของจีดีพีโลก แล้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 จากสี่ปีก่อน ชี้ช่วงหลายปีที่ผ่านมาจีนมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกได้ถึงร้อยละ 30
วันนี้ (10 ต.ค.) นายหนิง จี๋เจ๋อ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของจีนเมื่อปี 2559 (ค.ศ.2016) คิดเป็นร้อยละ 14.8 ของจีดีพีโลก โดยเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 4 ปีก่อน คือในปี 2555 (ค.ศ.2012) ร้อยละ 3.4
นายหนิงระบุด้วยว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยการเติบโตของเศรษฐกิจจีนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้ราวปีละร้อยละ 30 โดยในช่วง 3 ปีคือ ระหว่าง 2556-2559 ตัวเลขของจีนดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขของสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นรวมกันเสียอีก
ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่าในปีที่แล้วเศรษฐกิจโลกเติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 3.11 ขณะที่ในปีนี้คาดว่าจะโตประมาณร้อยละ 3.46 โดยแรงขับเคลื่อนของการเติบโตนั้นพึ่งพาการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาเป็นหลัก
ปัจจุบันสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่เศรษฐกิจใหญ่โตที่สุด โดยจีดีพีของสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 24.9 ของจีดีพีโลก ขณะที่จีนตามมาเป็นอันดับที่สองราวร้อยละ 14.9 (ตัวเลขไอเอ็มเอฟ) ขณะที่อันดับที่สามตกเป็นของญี่ปุ่น โดยปัจจุบันขนาดจีดีพีของสหรัฐฯ อยู่ที่ 19.42 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนจีนนั้นอยู่ที่ราว 11.79 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และญี่ปุ่นอยู่ที่ 4.48 ล้านล้านหรียญสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์มีการคาดหมายว่า ด้วยอัตราการเติบโตที่อยู่ในระดับสูงเศรษฐกิจจีนอาจจะสามารถก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจทัดเทียมกับสหรัฐฯ ได้ภายในช่วงทศวรรษที่ 2020-2030