แนวคิดเรื่อง หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (The Belt and Road Initiative) เป็นแนวคิดที่ท้าทายความสามารถของยุคใหม่ ด้วยเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงในวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ เพื่อปลดปล่อยประชาชนจากความยากจน ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียคาดการณ์ว่า ต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ทั่วทุกภูมิภาคตามเส้นทางนี้ ปีละ 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และประเทศจีนดูจะมีความพร้อมมากที่สุด เช่นเดียวกับได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ยังมีที่ว่างและโอกาสความมั่งคั่งสำหรับประเทศต่างๆ เช่นกัน
วิลเลียม อาร์ รอว์คินส์ ผู้เชียวชาญนโยบายเศรษฐกิจและความมั่นคงในประเทศ กรรมการ องค์กร Asia America Initiative กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ในการประชุมสุดยอดผู้นำเศรษฐกิจ จี 20 ในกรุงวอร์ซอว์ ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ได้กล่าวเตือนนานาชาติว่า ตะวันตกกำลังเผชิญกับอำนาจท้าทายทดสอบ กระทั่งทำลายความเชื่อมั่นของเรา และยังตั้งคำถามพื้นฐานว่า ในยุคของเรานี้ ตะวันตกจะรักษาตัวรอดหรือไม่"
กระนั้น ดูเหมือนว่าตะวันตกจะหมดวิสัยทัศน์ในการทำงานร่วมกันทั้งในระดับภูมิภาคและแม้แต่ในสหรัฐอเมริกาเอง ไม่มีอะไรให้พอคิดเทียบกับวลี "ทำให้จีนยิ่งใหญ่อีกครั้ง" ในระดับโลก ของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงได้เลย
สี จิ้นผิง ยังเคยกล่าวเรียกร้องผู้นำเศรษฐกิจ จี20 ให้มุ่งมั่นที่จะสร้างเศรษฐกิจโลกแบบเปิดกว้าง เปิดกว้างทั้งในด้านสินค้า และการลงทุนสินทรัพย์ต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ประเทศเศรษฐกิจ กลุ่มจี 20 มีหลายประเทศ ที่ต่อต้านการขยายตัวของจีน ออสเตรเลีย, อินเดีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จับกลุ่มกันเพื่อความปลอดภัย อินโดนีเซีย แม้จะได้รับเงินจากจีนแต่ก็ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานของความไม่ไว้วางใจจีนนัก รัสเซีย ก็กำลังตกอยู่ภายใต้ความกดดันจากจีนในเอเชียกลาง เพื่อชิงอิทธพลในดินแดนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต เช่นเดียวกับชาวยุโรป ที่กังวลกับแผนที่จีน ซึ่งผ่าพาดเส้นทางข้ามทวีปของตน
โครงการ "Belt and Road Initiative" (BRI) หรือ One Belt, One Road (OBOR) ซึ่งเป็นแผน ยุทธศาสตร์จีน เปิดเผยครั้งแรกในปีพ. ศ. 2556 นับแต่นัน จีนได้ลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั่วภูมิภาคยูเรเซีย (มหาทวีปที่รวมเอาทวีปยุโรป กับทวีปเอเชียเข้าด้วยกัน) และทวีปแอฟริกา รวมกว่า 60 ประเทศ เป็นจำนวนถึง 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้จุดมุ่งหมายที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เรียกว่า "โชคชะตาร่วมกันสำหรับยูเรเซีย" ซึ่งครอบคลุมประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของโลก
ความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เป็นยุทธศาสตร์ความก้าวหน้า สำหรับการขยายอำนาจจีนในระดับโลก ที่อาจจะไม่สามารถหวังผลได้ทุกอย่าง ยังไม่นับรวมความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างประเทศตลอดเส้นทางสายไหม แต่อย่างน้อยที่สุด จีนก็ได้แสดงให้เห็นว่า นี่คือยุทธศาสตร์พลังงานทางสังคมที่จำเป็นสำหรับบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกาไม่มีบทบาท หรือวิสัยทัศน์แบบนี้เลยในศตวรรษที่ 21