ซั่งไห่เดลี รายงาน (16 ก.ย.) ว่าครอบครัวบ้านตะปูกลางถนนหูถิง เมืองจิวถิง เขตซ่งเจียง นครเซี่ยงไฮ้ ได้ยอมย้ายออกและให้รัฐบาลทุบบ้านกลางถนน หลังยืดเยื้อเจรจาค่าชดเชยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 ขณะที่เพื่อนบ้านรายรอบได้รับข้อเสนอและย้ายออกไปหมดแล้ว แต่ในที่สุดครอบครัวซู่ว์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ยอมย้ายออกแล้ว
นายจางซิงกั่ว วัย 70 ปี สมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง กล่าวว่า "เราไม่มีทางเลือก และเหนื่อยกับการเจรจาแล้ว"
สำหรับครอบครัวซู่ว์นั้น การต้องย้ายออกจากภูมิลำเนาถิ่นเกิด เริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2550 โดยรัฐบาลท้องถิ่นประกาศนโยบายสร้างถนน เพื่อพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่เดิมประสบปัญหาน้ำท่วม และสัญจรไปมาลำบาก จึงจำเป็นต้องเวนคืนบ้านในบริเวณดังกล่าว
โครงการนี้ เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อปลายปี 2551 แต่เนื่องจากประสบปัญหาการเวนคืนที่ดินมาตลอดจึงยืดเยื้ออยู่นาน กว่าจะสร้างเสร็จก็ปี 2554
ครอบครัวซู่ว์ ยืนกรานไม่ยอมออกจากบ้านมาตลอด ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นต้องสร้างถนนเลี่ยงบ้านของเขาซึ่งอยู่กลางถนน
จาง ซึ่งปัจจุบันเกษียณจากอาชีพรับจ้างขับรถบรรทุกแล้ว ได้กล่าวว่า เขาเข้าใจความจำเป็นของโครงการตัดถนน และต้องการคืนที่ดินให้รัฐตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เราเพียงหวังว่า เราจะได้ค่าชดเชยที่เป็นธรรม
ครอบครัวซู่ว์ มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน อาศัยอยู่ในบ้าน 3 ชั้นนี้ ครั้น เมื่อรัฐบาลมาเจรจาโดยยื่นข้อเสนอบ้านเดี่ยวและเงินชดเชยจำนวนหนึ่ง แต่ ลูกของนายจาง แย้งว่าต้องการห้องชุดอพาร์ทเมนต์มากกว่าบ้านเดี่ยว
รัฐบาลฯ ตกลงให้ห้องในอพาร์ทเมนต์ 4 ห้อง แต่ครอบครัวไม่พอใจ และว่าควรจะเป็น 6 ห้อง จึงจะเป็นธรรมกับขนาดบ้านเดิมที่เสียไป
การเจรจาจึงไม่สามารถตกลงกันได้ และเมื่อทางการสร้างถนนเสร็จ มีรถวิ่งขวักไขว่ ครอบครัวจึงพบปัญหาว่าอาคารเริ่มสั่น เวลารถบรรทุกใหญ่วิ่งผ่าน และมีเสียงจราจรหนวกหูตลอดคืน อีกทั้งยังเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งจากการที่ผู้ขับขี่ไม่ทันเห็นบ้านกลางถนน
แต่ที่ทำให้ครอบครัวซู่ว์ รู้สึกเสียหายมาก คือข่าวลือทางโลกออนไลน์ที่กล่าวหาว่า ครอบครัวเขา เรียกร้องเงินชดเชยหลายร้อยล้านหยวนจากรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นความจริง
จาง กล่าวว่า สุดท้ายได้ยอมรับการเจรจา โดยรับห้องชุดในอพาร์ทเมนต์ 4 ห้องตามข้อเสนอเดิม และรับเงินชดเชยเป็นเงินสด อีก 2.3 ล้านหยวน ซึ่งแม้จะเป็นข้อเสนอที่ครอบครัวไม่พอใจ แต่ยอมรับเพราะมีความรู้สึกที่ดีกับรัฐบาลซึ่งพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยท่าทีที่ดีมาตลอด