MGR ONLINE--วานนี้ (19 ส.ค.) สถานทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งจัดวันวัฒนธรรมไทย ภายใต้ธีม “สยามเมืองยิ้ม ชิมไปยิ้มไป” ณ บริเวณสถานทูตไทยในกรุงปักกิ่ง เพื่อประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวจีนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านอาหารที่กำลังมาแรงหลังจากการที่ได้ครองแชมป์เมืองอาหารริมทางยอดเยี่ยมที่สุดในโลกสองปีซ้อน จากการจัดอันดับของสื่อโลก CNN
ระหว่างกล่าวเปิดงานฯ นาย พิริยะ เข็มพล เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง ได้กล่าวถึงกระแสนักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลไปยังประเทศไทยถึงเกือบ 9 ล้านคนในปีที่ผ่านมา นอกจากภูมิประเทศที่สวยงาม วัฒนธรรมอาหารไทยยังเป็นที่เลื่องลือระดับโลก จากการจัดอันดับกลุ่มเมืองที่มีอาหารริมทางดีที่สุดในโลก (World’s Best Street Food Cities) โดย CNN.Com ได้ยกให้ไทยเป็นแชมป์อันดับหนึ่งในกลุ่ม 23 เมืองที่ทำการสำรวจ นับเป็นปีที่สองที่ไทยติดอันดับเมืองอาหารริมทางที่ดีที่สุดในโลก
ภายในงานฯมีผู้เข้าร่วมงานฯหลายร้อยคน ทั้งคณะทูตจากประเทศต่างๆ และประชาชนทั้งชาวไทย ชาวจีน ด้านกลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ ร้านอาหารไทย 13 ร้าน และร้านผลิตภัณฑ์ชั้นนำของไทยอื่นนับสิบราย
นาย พิริยะ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับบทบาทสนับสนุนผลิตภัณฑ์ไทยในตลาดจีน
“เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญที่เรากำลังทำ ตัวอย่างกิจกรรมวันนี้ สถานทูตฯได้เปิดตัว เดินเข้าหากลุ่มผู้ประกอบการ มากกว่าจะให้ผู้ประกอบการมาหาเรา สถานทูตได้เปิดพื้นที่ เชิญกลุ่มผู้ประกอบการมาโฆษณาสินค้าตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ทางสถานทูตช่วยได้ประการหนึ่ง
“ประการที่สอง การรณรงค์ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.ก็ช่วยรณรงค์อาหารไทย...อาหารไทยมีคุณภาพ ภาคอุตสาหกรรมในประเทศก็ต้องยกระดับคุณภาพ เป็นต้น
“ขณะเดียวกันก็มีหลายคำถามที่ต้องหาคำตอบ ได้แก่ หนึ่ง เราจะทำอาหารไทย เพื่อโปรโมทร้านอาหารไทย โปรโมทสินค้าส่งออกด้านอาหารใช่ไหม-ใช่ สอง เราจะโปรโมทอาหารไทย เพื่อให้ชาวต่างชาติทำอาหารไทยได้ด้วยใช่ไหม-ใช่ สามคือ เราจะโปรโมทภาพลักษณ์ตัวอาหารไทย เพื่อเชิญชวนให้ชาวต่างชาติไปทานอาหารที่เมืองไทย หรือจะมาโปรโมทร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เป็นการส่งเสริมการลงทุนในต่างแดนใช่ไหม...
“และถ้าจะตอบโจทย์ด้านการลงทุนในตลาดจีน รัฐบาลก็ต้องสนับสนุนทุนและอื่นๆ ส่วนด้านสถานทูตสนับสนุนเต็มที่โดยเฉพาะการตลาด เปิดพื้นที่สำหรับแสดงตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เชิญคณะทูตจากประเทศต่างๆมาลองชิมรสชาติอาหารไทย และยังสามารถช่วยด้านการวางแผนยุทธศาสตร์การตลาด อย่างตลาดจีนปัจจุบัน ต้องบุกเบิกด้านออนไลน์มากขึ้น เช่น ร้านอาหารไทยต้องปรับตัวด้านการขาย ขายอาหารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ บริการส่งอาหารถึงบ้าน ปัจจุบันตลาดจีนเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเข้าถึงออนไลน์ได้ จะสามารถเข้าถึงตลาดเข้าถึงคนหลายๆล้าน”
“นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำและพัฒนาแอพพลิเคชั่นแนะนำอาหารไทย โดยขณะนี้ สามารถเปิดบริการบนมือถือระบบ ios ได้แล้ว ส่วนระบบแอนดรอยด์กำลังพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะใช้ได้เร็วๆนี้”
ทั้งนี้ ไม่กี่ปีมานี้ จีนได้กลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย จากข้อมูลตัวเลขในปี 2016 การค้าระหว่างสองประเทศสูงถึง 64,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ การติดต่อระหว่างประชาชน เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว ปี 2016 กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมายังไทย มีจำนวนประมาณ 8,700,000 คน/ครั้ง และคาดการณ์ว่าในปี 2017 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทย จะเพิ่มแตะระดับ 9,000,000 คน/ครั้ง
ชมภาพบรรยากาศเทศกาลอาหารไทย ณ สถานทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง วันที่ 19 ส.ค. 2017