กลุ่มสื่อจีนรายงาน (26 ก.ค.) เมื่อไม่นานมานี้ “On the Road to School” องค์กรไม่แสวงหาผลประโยชน์ (NGO) ซึ่งมุ่งเน้นการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในเขตทุรกันดารของจีน เปิดเผยรายงานการสำรวจว่า เด็กในเขตทุรกันดารราวร้อยละ 60 เป็น “เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง” โดยพวกเขามีโอกาสได้พบหน้าพ่อแม่เพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น
ข้อมูลดังกล่าวมาจากการสำรวจเด็กในชนบทราว 15,000 คนในพื้นที่ต่างๆรวม 17 เมืองทั่วประเทศจีน นอกจากนี้ รายงานยังประมาณการว่า เด็กนักเรียนรุ่นเยาว์ราว 10 ล้านคนทั่วประเทศพักอาศัยอยู่เพียงลำพัง ปราศจากไออุ่นรักจากครอบครัวโดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนประกาศแผนสร้างสวัสดิการสิ่งอำนวยประโยชน์อันจำเป็นให้กับเยาวชน รวมถึงลูกหลานครอบครัวแรงงานอพยพผู้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ฝากอยู่ในภูมิลำเนาฯ โดยในแผนฯ ดังกล่าวยังระบุถึงการมีผู้ดูแลอนุบาล เด็กๆ ซึ่งถูกพ่อแม่แรงงานอพยพฝากไว้ ตลอดจนเข้าช่วยเหลือเด็กซึ่งมีปัญหาต่างๆ
ข้อมูลสำรวจสำมะโนประชากรของรัฐบาลพบว่า เด็กๆ ลูกของคนงานซึ่งอพยพเข้าไปทำงาน รวมจำนวนกว่า 9 ล้านคน ซึ่งเกือบทั้งหมดอยู่ในภูมิภาคอันห่างไกลทางตอนกลาง และตะวันตก
คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติ เผยว่า อีก 5 ปีข้างหน้า จะมีสิ่งอำนวยประโยชน์ในชีวิตอันจำเป็นสำหรับเด็กๆ ในพื้นที่ซึ่งมีประชากรมากกว่า 500,000 คน อันเป็นไปตามแผนพัฒนาสวัสดิการสังคม
“เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง” (left-behind children) เป็นปรากฏการณ์ที่ก่อให้เกิดปัญหาเรื้อรังมานานนับทศวรรษ เด็กเหล่านี้มักถูกเลี้ยงดูโดยคนรุ่นปู่ย่าตายาย หรือบางครั้งอาจถูกละทิ้งให้ใช้ชีวิตตามลำพังในชนบท ขณะพ่อแม่ไปทำงานต่างถิ่น ทำให้พวกเขาไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ รวมถึงการศึกษาที่ดีเพียงพอ และมักเข้าไปพัวพันกับเหตุฆ่าตัวตาย อุบัติเหตุ หรือการกระทำผิดกฎหมายอาญาอยู่บ่อยครั้ง ในปัจจุบันอาจมี “เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง” จำนวนมากกว่า 60 ล้านคนทั่วประเทศจีน