xs
xsm
sm
md
lg

จีนเผย “เส้นทางเศรษฐกิจสีน้ำเงิน” ครั้งแรก เดินหน้าหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(ภาพ ซินหวา)
ไชน่า เดลี - ทางการจีนเปิดเผย “เส้นทางเศรษฐกิจสีน้ำเงิน” (blue economic passages) เชื่อมโยงเอเชียกับแอฟริกา โอเชียเนีย ยุโรป และภูมิภาคอื่นๆ เพื่อผลักดันความร่วมมือทางทะเลภายใต้โครงการยักษ์ หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง

อ้างอิงจากเอกสารชื่อ วิสัยทัศน์เพื่อความร่วมมือทางทะเลภายใต้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Vision for Maritime Cooperation under the Belt and Road Initiative) ซึ่งร่วมเผยแพร่โดยคณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) และสำนักบริหารจัดการทางทะเลแห่งรัฐ (SOA) ของจีน เมื่อวันอังคาร (20 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ระบุว่าจีนจะมุ่งมั่นกำหนดเส้นทางเศรษฐกิจสีน้ำเงิน 3 สาย ได้แก่ เส้นทางฯ จีน-มหาสมุทรอินเดีย-แอฟริกา-ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เส้นทางฯ จีน-โอเชเนีย-มหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ และอีกหนึ่งเส้นทางฯ ที่จะนำสู่ยุโรปผ่านมหาสมุทรอาร์กติก

เส้นทางฯ จีน-มหาสมุทรอินเดีย-แอฟริกา-ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จะตั้งฐานบนเมืองเศรษฐกิจริมชายฝั่งของจีน เชื่อมระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน และตรงไปทางตะวันตกจากทะเลจีนใต้จรดมหาสมุทรอินเดีย โยงเข้ากับระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน และระเบียงเศรษฐกิจบังกลาเทศ-จีน-อินเดีย-เมียนมาร์

ส่วนเส้นทางฯ จีน-โอเชเนีย-มหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ จะมุ่งลงทิศใต้จากทะเลจีนใต้ไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

อย่างไรก็ดี เอกสารฯ ไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางฯ สู่ยุโรป ซึ่งพาดผ่านมหาสมุทรอาร์กติก

รัฐบาลจีนยังเรียกร้องบรรดาชาติต่างๆ ที่มีส่วนร่วมในแผนริเริ่มเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Maritime Silk Road) ทำงานร่วมกันเพื่อสงวนระบบนิเวศ ส่งเสริมการเชื่อมต่อ ค้ำจุนเศรษฐกิจ ปกป้องความมั่นคงทางทะเล รวมถึงศึกษาวิจัยด้านสมุทรศาสตร์และขยับขยายความร่วมมือด้านอื่นๆ

เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ จีนได้วางแผนเป็นผู้จัดมาตรการต่างๆ อาทิ การจัดตั้งกลไกความร่วมมือเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลกับอาเซียน การสนับสนุนกลุ่มประเทศหมู่เกาะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภัยพิบัติทางทะเล ตลอดการแบ่งปันสมรรถภาพทางการวิจัย

ทั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลปักกิ่งตีพิมพ์แผนความร่วมมือทางทะเลภายใต้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) อันเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาฉบับยิ่งใหญ่ ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เปิดเผยสู่เวทีโลกในปี 2556 โดยกล่าวถึง 1) แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม (Silk Road Economic Belt) ที่เชื่อมจีนกับยุโรปผ่านเอเชียกลางและตะวันตก และ 2) เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Maritime Silk Road) ที่เริ่มจากจีนตอนใต้ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
(ภาพ ไชน่าเดลี)

กำลังโหลดความคิดเห็น