เซาท์ไชน่า มอร์นิง โพสต์ (5 พ.ค.) - จำนวนประชากรฮ่องกงที่พยายามยื่นเรื่องขออพยพไปอยู่ประเทศอื่นๆ มีเพิ่มมากขึ้น โดยตัวเลขของสำนักงานความมั่นคง ระบุว่ามีแบบคำร้องขอวีซ่า และหนังสือรับรองความประพฤติ รับรองประวัติอาชญากรรมเพื่อเดินทางออกจากฮ่องกงในสถานะผู้อพยพย้ายถิ่นในปีที่แล้ว (พ.ศ.2559) มีจำนวน 7,600 คำขอฯ ซึ่งเพิ่มจากปีก่อนหน้า (2558) ถึง 8.6 เปอร์เซนต์ และ 10 เปอร์เซนต์จากปี 2557
รายงานข่าวกล่าวว่า สหรัฐอเมริกายังคงเป็นที่หมายการอพยพย้ายถิ่นของชาวฮ่องกง มีผู้ทำคำร้องขอ 2,800 ราย มากที่สุดในรอบ 5 ปี และแม้ตัวเลขดังกล่าวจะเป็นดังนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้รับการอนุมัติทุกรายคำขอฯ
เบนนี่ เฉิง ผู้อำนวยการของ โกลด์แมกซ์ อิมมิเกรชั่น คอนซัลท์ติ้ง กล่าวว่า แรงกดดันทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยหนุนให้คนท้องถิ่นตัดสินใจไปหาที่อยู่ใหม่
“ที่ผ่านมา มีสถานการณ์เร่งปฏิกริยาผู้คน 3 เหตุการณ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีประชาชนมาทำคำร้องขอเดินทางออกไปอยู่ประเทศอื่นกันมาก คือการประท้วงด้านการศึกษาระดับชาติในปี 2555, การประท้วงขบวนการร่ม ในปี 2557 และการปราบปรามจลาจลในย่านมงก๊กครั้งล่าสุด ปีที่แล้ว” เฉิงกล่าวฯ
อีริก ถัง วัย 33 ปีชาวฮ่องกง ซึ่งได้วีซ่าทำงานในบริษัทด้านที่ปรึกษาทางการเงินที่แคนาดา พร้อมกับภรรยา กล่าวว่า ปัจจัยทางสังคมและการเมืองในฮ่องกง เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจ และการประท้วงร่มในปี 2557 คือจุดสำคัญ
ถังกล่าวกับเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ว่า ปักกิ่งคือนายใหญ่ฮ่องกง และไม่ว่าฮ่องกงจะมีใครเป็นผู้นำ ก็ไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์คนท้องถิ่นได้ ในหลายปีที่ผ่านมา พัฒนาการของฮ่องกง ลดลงต่ำกว่าเมืองอื่นๆ ทั้งด้านสาธารณูปโภค นวัตกรรมและเทคโนโลยี
ถังและภรรยา จะเดินทางไปอยู่ประเทศแคนาดา สร้างครอบครัวที่นั่น ที่ซึ่งเขาเชื่อว่ามีอากาศบริสุทธิ บ้านหลังใหญ่ และการศึกษาที่ยืดหยุ่น อันเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับครอบครัว